เปิดตัวแล้วรถไฟฟ้าเอสยูวีน้องใหม่ GAC AION Y Plus เริ่ม 1.069 ล้านบาท
รถ SUV ไฟฟ้า น้องใหม่จากประเทศจีน GAC AION Y Plus เปิดตัวในไทยเรียบร้อยไทย ชาร์จไฟเต็มวิ่งไกล 550 กม. เคาะราคาเริ่มที่ 1,069,900 บาท โดยจะมีให้เลือก 2 รุ่น คือ AION Y Plus รุ่น 490 Elite และ AION Y Plus รุ่น 550 Ultra
GAC AION Y Plus รถ SUV ไฟฟ้า น้องใหม่จากแดนมังกรได้เดินทางมาเปิดตัวที่ไทยอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรุ่นนี้มาด้วยกันทั้งหมด 2 ขุมพลัง ในรุ่นท็อป มอเตอร์กำลัง 204 แรงม้า พร้อมเปิดให้สั่งจองเป็นเจ้าของแล้วในราคาเริ่มต้น 1,069,900 บาท
GAC AION Y Plus มีทั้งหมด 2 รุ่นย่อย
รุ่น 490 ELITE ขุมพลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร แบตเตอรี่จุ 63.2 kWh วิ่งไกล 490 กม./ชาร์จ (มาตรฐาน NEDC)
รุ่น 550 ULTRA ขุมพลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร แบตเตอรี่จุ 68.3 Wh วิ่งไกล 550 กม./ชาร์จ (มาตรฐาน NEDC)
โดย บริษัท เอไอโอนิค ออโต จำกัด ในเครือชาริช โฮลดิ้งตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่และให้บริการหลังการขายรถยนต์ไฟฟ้า 100% แบรนด์GAC AION อย่างเป็นทางการในประเทศไทย นำโดย อภิชาติ ลีนุตพงษ์ ประธานกรรมการ บริษัท เอไอโอนิค ออโต จำกัด ร่วมกับ EA Anywhere สถานีประจุไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าได้เปิดประสบการณ์ให้ได้ ทดลองขับ GAC Aion Y plus รถยนต์ไฟฟ้า 100 % ในรูปแบบ SEUV (Smart Electric Utility Vehicle) ในงาน Aionic Auto Test Drive Day - Experience the SEUV
และในวันที่ 9 เดือน 9 ที่ผ่านมามีการประกาศ ราคาจำหน่าย รุ่น 490 Elite ราคา 1,069,900 บาท และ รุ่น 550 Ultra ราคา 1,299,900 บาท โดยด้านพละกำลังของ GAC AION Y Plus เวอร์ชั่นในไทยจะมากับโครงสร้างแพลตฟอร์มรถไฟฟ้า AEP ทั้งรุ่น รุ่น 490 Elite และ รุ่น 550 Ultra ที่มากับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 225 นิวตันเมตร หากชาร์จไฟเต็มวิ่งไกล 550 กม. เลยทีเดียว
โดยรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น Y Plus เป็นรถรุ่นไฮไลต์ยอดนิยมของ AION ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมากนับตั้งแต่การเปิดตัว และเพียงภายในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาก็ได้ทำยอดขายไปแล้วกว่า 26,000 คัน ตอกย้ำความเป็นรถยนต์ SUV พลังงานไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประเทศจีน AION Y Plus เป็นผู้นำในการขับขี่อัจฉริยะโดยมีระบบส่งกำลังควบคุมความเร็วคงที่อัจฉริยะแบบเอกสิทธิ์เฉพาะ ระบบช่วยขับขี่ ระบบเบรกอัตโนมัติ ฟังก์ชันติดตามรถด้านหน้า และยังรวมถึงการจอดรถอัจฉริยะและระบบกล้องพาโนรามา 360 องศา มอบความสะดวกสบายที่เหนือระดับให้กับผู้ขับขี่ เทคโนโลยีขั้นสูงเหล่านี้ช่วยลดความยุ่งยากในการขับขี่ท่ามกลางการจราจรที่ติดขัด ในขณะเดียวกันก็ลดความเสี่ยงของการชนได้อย่างมาก ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับประสบการณ์การขับขี่ที่สบายและดียิ่งขึ้น อีกด้วย
