สรท.ตั้งเป้าส่งออกโต 2% หนุนลดดบ.-เร่งเจรจา FTA
สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย คาดส่งออกปีนี้โตได้ 1-2% ยังต้องจับตาหลายปัจจัยเสี่ยง จากปัญหาความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ ดอกเบี้ยที่ยังสูง ความผันผวนของค่าเงินบาท รวมถึงค่าระวางเรือที่ปรับเพิ่มกระทบกับต้นทุน
ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สรท. ชัยชาญ เจริญสุข ระบุ ภาพรวมการค้าระหว่างประเทศของไทยในปี 2566 ไทยส่งออกรวมมูลค่า 2.8 แสนล้านดอลลาร์ หดตัวติดลบ 1% ขณะที่ปี 2567 คาดการณ์ส่งออกเติบโตที่ 1-2% โดยมีปัจจัยเฝ้าระวังคือ การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาท ปรับตัวอ่อนค่าเล็กน้อย โดยค่าเงินบาทเคลื่อนตัวอยู่ในกรอบ 34-35 บาท และยังคงมีความไม่แน่นอนสูง
อัตราดอกเบี้ยนโยบายหลายประเทศยังคงทรงตัวระดับสูง ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงดอกเบี้ยนโยบายต่อ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังคงทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่อง ประกอบกับสถานการณ์ทะเลแดงอาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันซึ่งจะส่งผลให้สินค้าอุปโภคและบริโภคปรับสูงขึ้น นำไปสู่เงินเฟ้อที่ปรับสูงขึ้น
ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อส่งผลกระทบต่อการค้าและเศรษฐกิจโดยรวม โดยเฉพาะสถานการณ์วิกฤตในทะเลแดง ส่งผลให้ค่าระวางเรือปรับตัวสูงขึ้นและใช้ระยะเวลาการขนส่งสินค้านานขึ้น รวมถึงความขัดแย้งอื่น ๆ อาทิ รัสเซีย ยูเครน ทะเลจีนใต้ ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง
ดัชนีภาคการผลิต (PMI) สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด หลายประเทศยังขยายตัวต่ำกว่าระดับ Base Line โดยเฉพาะกลุ่มประเทศยุโรปยังคงต่ำกว่าระดับ Base Line ต่อเนื่องกว่า 8 เดือน และความกังวลเรื่องต้นทุนภาคการผลิตที่ยังมีความไม่แน่นอน อาทิ ค่าไฟฟ้า ค่าแรงขั้นต่ำ และค่าระวางเรือเส้นทางยุโรป ตะวันออกกลาง สหรัฐฯ เริ่มปรับตัวสูงขึ้น
ทั้งนี้ สรท. มีข้อเสนอแนะคือ พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์เงินเฟ้อในปัจจุบัน รวมถึงกำกับดูแลเพื่อลดช่องว่างอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อเงินกู้และเงินฝาก
เร่งสนับสนุนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพและกระบวนการผลิตเพื่อรองรับมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะมีความเข้มข้นมากขึ้นในปีนี้
เร่งรัดการจัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกในตลาดเป้าหมายที่สำคัญ รวมถึงเร่งการเจรจาการค้าเสรี (FTA) เพื่อสร้างแต้มต่อและลดอุปสรรคในการเข้าถึงตลาดและแหล่งวัตถุดิบให้ผู้ประกอบการไทย
และขอให้เรียกเก็บค่าระวางและค่าใช้จ่ายส่วนเพิ่มตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจริง ทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันได แจ้งให้ทราบล่วงหน้า ขอให้สายเรือเจรจากับท่าเรือเพื่อขอขยายระยะเวลา Free Time ในท่าเรือ เป็น 21 วัน (จากปกติ 3-7 วัน) เพื่อลดต้นทุนส่วนที่เกินเวลาที่กำหนดและขยายระยะเวลาการใช้ตู้คอนเทนเนอร์เพื่อลดต้นทุนให้กับผู้ส่งสินค้า
