
นายธิบดี วัฒนกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.)ระบุ รัฐวิสาหกิจที่แนวโน้มผลประกอบการโดดเด่นในปีนี้ ได้แก่ กลุ่มไฟฟ้า พลังงาน สถาบันการเงินของรัฐ และ โรงรับจำนำของรัฐ ทำให้คาดว่า ในปีนี้ การนำส่งรายได้ในภาพรวมของรัฐวิสาหกิจจะเป็นไปตามเป้าหมาย
ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ2567สคร.ได้รับเป้าหมายในการนำส่งรายได้แผ่นดินจากรัฐวิสาหกิจและกิจการที่กระทรวงการคลังถือหุ้นต่ำกว่า50%จำนวน1.75แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น20%จากปีงบประมาณ2566ที่ผ่านมาอยู่ที่1.49แสนล้านบาท
“เป้าหมายที่สคร.ได้รับเพิ่มขึ้นมาประมาณ2.5หมื่นล้านบาทซึ่งถือเป็นความท้าทายเป็นอย่างมากอย่างไรก็ดีคาดว่าการนำส่งรายได้ในส่วนไฟฟ้าจะเติบโตดีขึ้นเนื่องจากพิจารณาตามภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มดีขึ้นซึ่งสคร.ได้มีการติดตามการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจอย่างใกล้ชิดเพื่อให้รัฐวิสาหกิจนำส่งรายได้เข้ารัฐได้ตามเป้าหมาย”
ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจโรงรับจำนำของรัฐนั้น มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนโดยแนวโน้มการเข้ามาใช้บริการของสถานธนานุเคราะห์(สธค.)เพิ่มมากขึ้นซึ่งสธค.เป็นโรงรับจำนำเพื่อสังคมและและนำเทคโนโลยีมาใช้ให้ความสะดวกของผู้รับบริการเพิ่มทำให้มูลค่าการรับจำนำสูงปีละเกือบ2 หมื่นล้านบาท จำนวนสินค้าที่นำมาจำนำมีมากกว่า1.1ล้านชิ้นในจำนวนนี้เป็นการจำนำทองถึง88%
”ผลประกอบการโรงรับจำนำดีขึ้นเต่อเนื่อง สะท้อนในรายได้ปี66ประมาณ885ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อน42ล้านบาทสำหรับค่าใช้จ่ายและกำไรใกล้เคียงกันประมาณ400กว่าล้านบาทโดยสธค.จ่ายเงินนำส่งรัฐกว่า40%“
อย่างไรก็ตามปัจจุบันกฎหมายของโรงรับจำนำของรัฐกำหนดให้รับจำนำได้มูลค่าไม่เกิน1แสนบาทต่อสินค้า1 รายแต่เนื่องจากปัจจุบันราคาสินค้า โดยเฉพาะทองคำเพิ่มสูงขึ้นจึงอยู่ระหว่างพิจารณาเพิ่มวงเงินรับจำนำได้เป็นไม่เกิน2แสนบาทเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันมากยิ่งขึ้น