ออมสินจ่องดปล่อยกู้ธุรกิจ 'ถ่านหิน' ใช้เกณฑ์ ESG Score

ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน วิทัย รัตนากร ระบุ คณะกรรมการธนาคารออมสินได้มีมติอนุมัติแผนลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ Net Zero Emissions Roadmap โดยได้กำหนดแผนงานเป็น 3  Scope เพื่อจัดการปริมาณก๊าซเรือนกระจก โดยในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือในปี 2573 ตั้งเป้า Net Zero สำหรับ Scope 1 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรงจากการใช้น้ำมัน/LPG และ Scope 2 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่เกิดจากการใช้ไฟฟ้าหรือลดก๊าซเรือนกระจกในภาพรวมลงได้มากกว่า 50% ขณะที่ในปี 2593 ตั้งเป้าสำหรับ Scope 3 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางอ้อมที่เกิดขึ้นจากการให้ สินเชื่อหรือลงทุน) หรือรวมแล้วลดก๊าซเรือนกระจกในปริมาณ 1.72 ล้านตัน

ธนาคารได้กำหนดแผนงดการปล่อยสินเชื่อแก่ธุรกิจเชื้อเพลิงถ่านหินและธุรกิจเกี่ยวเนื่อง และเริ่มการใช้ ESG Score ในการประเมินคุณสมบัติด้าน ESG ของลูกค้าวงเงินสินเชื่อ 500 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งผลคะแนน ESG Score จะถูกนำมาประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ โดยธนาคารพร้อมมอบส่วนลดดอกเบี้ย และ/หรือ อนุมัติเพิ่มวงเงินสินเชื่อให้เป็นพิเศษ เพื่อเป็นการส่งเสริมและสนับสนุนกิจการที่ดีและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งธนาคารออมสินเป็นผู้ริเริ่มนำเอา ESG Score มาใช้ประกอบการพิจารณาให้สินเชื่อเงื่อนไขพิเศษเป็นธนาคารแรกของประเทศ

ปัจจุบันธนาคารปล่อยสินเชื่อทั้งหมดกว่า 2.2 ล้านล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีการปล่อยสินเชื่อที่เกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือสังคม สิ่งแวดล้อม และการธรรมาภิบาลทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ต่ำกว่า 1.1 ล้านล้านบาท และหลังจากนี้จะมีการขยายวงเงินสินเชื่อเกี่ยวกับอีเอสจีให้เพิ่มขึ้นอีก เช่น การรุกสินเชื่อ BCG ที่ปล่อยกู้ได้แล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท รวมถึงยังได้เปิดตัวสินเชื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอี ที่เป็นซัพพลายเชนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า

ทั้งนี้ ธนาคารได้จัดกลุ่มธุรกิจที่จะสนับสนุนสินเชื่อและการลงทุนออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

1. Exclusion List หรือ ธุรกิจที่ไม่สนับสนุน เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง เช่น ถ่านหิน และกำหนดภายในปี 2574 จะไม่มีสินเชื่อเกี่ยวกับธุรกิจถ่านหิน นอกจากนี้จะเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อโรงไฟฟ้าพลังงานสะอาดเป็น 35% ของสินเชื่อโรงไฟฟ้าทั้งหมด

2. Negative List หรือ ธุรกิจที่ต้องพิจารณาเป็นพิเศษ โดยหลีกเลี่ยงการให้สินเชื่อแก่ธุรกิจที่มีคะแนน ESG Score ในระดับต่ำมาก โดยธนาคารจะเข้าทำ Positive Engagement กับลูกค้าเพื่อช่วยเหลือ และให้คำปรึกษาในการปรับปรุงดำเนินงานด้านความยั่งยืน รวมทั้งด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนทั้งระบบ

3. Positive List หรือ ธุรกิจที่ให้การสนับสนุนเป็นพิเศษ ผ่านการกำหนดสิทธิประโยชน์แก่ธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ส่งเสริม BCG ธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง หรือกิจการบริษัทที่มีคะแนน ESG Score ในระดับสูง ก็จะได้รับดอกเบี้ยต่ำกว่าลูกค้าทั่วไป 0.10-0.20%