
นายอภิชาติ ไพรรุ่งเรือง ประธานสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าจากการที่ตั้งแต่ 21 ก.ค. 66 รัฐบาลจะไม่ต่ออายุมาตรการลดภาษีน้ำมันดีเซล โดยจะเริ่มเก็บภาษีในอัตราปกติ เพราะมองว่าจะเป็นการดำเนินการที่ก่อให้เกิดผลผูกพันธ์ต่อรัฐบาลในอนาคต ประกอบกับสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันดีเซล ณ โรงกลั่นในประเทศลดลง
แต่คาดว่าผู้ใช้รถ ใช้ถนน เตรียมจ่ายราคาน้ำมันดีเซลแพงขึ้น โดยหากต้นทุนน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น 5 บาทต่อลิตร จะส่งผลให้ต้นทุนขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้น 10 % จะกระทบไปยังราคาสินค้าเดือดร้อนไปถึงผู้บริโภคได้ แต่เข้าใจว่าเป็นสถานการณ์ช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ซึ่งเป็นภาระงบประมาณที่รัฐบาลใหม่จะต้องพิจารณา ส่วนมาตรการดูแลราคาพลังงานของรัฐบาลใหม่ ก็ขอให้ผลักดันตามที่หาเสียงไว้ เช่น การปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เป็นธรรมมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้ขอให้ผ่านด่านแรก โหวตนายกรัฐมนตรีผ่านลุล่วงไปด้วยดี
ทั้งนี้ มีรายงานจากสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ระบุว่า ได้จัดเตรียมแนวทางช่วยเหลือไว้แล้วจะเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันฯในสัปดาห์หน้า โดยจะใช้แนวทางตาม พ.ร.บ.กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงฯ ภายใต้บริหารวิกฤตราคาพลังงาน ซึ่งหากไปดูที่ ราคาดีเซลเกิน 30 บาทต่อลิตร การที่ไม่ต่ออายุภาษีดีเซลจะมีผลทำให้ราคาดีเซลพุ่งไปถึง 5 บาทต่อลิตร ซึ่งจะเป็นภาระกับประชาชน ดังนั้น การช่วยเหลือจะแบ่งออกเป็นหลายแนวทาง เช่น การช่วยเหลือทุกกลุ่ม หรือช่วยเหลือบางส่วน เช่น กลุ่มเปราะบาง โดยยังมีเงินกู้ที่เหลืออีก 55,000 ล้านบาท ที่สามารถนำมาบริหารจัดการได้