"ถือเป็นการวางยุทธศาสตร์รับการเลือกตั้งทั่วไป แบบมีจังหวะจะโคน แบบอาศัยห้วงเวลาทางการเมืองที่พร้อมจะรุกอย่างเหมาะสม ในเดือนกันยายน"
เหตุที่กล่าวแบบนี้ เนื่องมาจากจังหวะก้าวของ "พรรคสร้างอนาคตไทย" ที่มีการปล่อยกิจกรรม สร้างภาพจำในสายตาประชาชนออกมาแบบรัวๆ จนถึงขั้นคีย์เวิร์ด "สร้างอนาคตไทย" ถูกค้นหากันอีกครั้ง
โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา "สุรนันทน์ เวชชาชีวะ" รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความ "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ลาออกจากประธานกลุ่มสหพัฒน์ เพียงแค่นี้ ไม่ต้องคาดเดากันให้ยาก ถึงก้าวต่อไปของ"สมคิด" ที่จะมาร่วมลงเรือ "สร้างอนาคตไทย" ในฐานะ แคนดิเดตนายกฯ ของพรรค พร้อมกับการเตรียมเปิดตัวประมาณวันที่ 8 กันยายนนี้
กล่าวถึง "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์" ผู้ซึ่งมีตำแหน่งรัฐมนตรีในหลายรัฐบาลเป็นถึงอดีตรองนายกรัฐมนตรี /2 รมว.คลัง/รมว.พาณิชย์หลายสมัยคนนี้จะเป็นกำลังหลักให้กับ"พรรคสร้างอนาคตไทย"ของกลุ่มสี่กุมารเพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่บนหน้าการเมืองกับการเลือกตั้งงวดหน้า โดยผสมผสานคนรุ่นใหม่ คนการเมืองมือเก๋าให้ได้ส.ส.สองระบบตามเป้าหมายในการผลักดันนโยบายพรรคเพื่อสร้างความหวังให้คนไทยพ้นความลำบากในตอนนี้
แต่กว่าจะถึงวันนั้น"พรรคสร้างอนาคตไทย"มีความพร้อมบนความเป็นไปได้อย่างไร....วินิจฉัยจากนี้ไป
นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีเพื่อรอการวินิจฉัยวาระสร.1แปดปีไปนั้นพบว่ากระแสการเมืองของหลากพรรคขยับตัวกันมากขึ้นจนคล้ายเป็นสัญญาณว่าการเลือกตั้งอาจเกิดขึ้นยามใดก็ได้ แต่น่าจะเกิดขึ้นหลังการประชุมเอเปคซึ่งไทยเป็นเจ้าภาพเสร็จสิ้นลง(การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ระหว่างวันที่ 16 พ.ย. 18 พ.ย. 2565 ) และไม่กี่วันข้างหน้า จะปิดประชุมรัฐสภาครั้งที่1/2565 (วันที่19ก.ย.2565)
โดยหลังจากนั้นต้องจับตาว่าส.ส.คนใด/พรรคไหนจะย้ายขั้วเปลี่ยนค่ายกันบ้าง (หากเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อที่ประสงค์ลาออก ก็มิใช่ปัญหาเพียงเลื่อนลำดับถัดไปขึ้นมาแทน ส่วนส.ส.เขตนั้นหากลาออกไป กฎหมายเลือกตั้งกำหนดไว้ว่า "ไม่ต้องเลือกตั้งซ่อม"เพราะสภาผู้แทนราษฎรชุดที่25 เหลืออายุงานไม่ถึงหกเดือน (เลือกตั้งส.ส.ครบสี่ปี วันที่23มี.ค.2566))
ดังนั้นสัญญาณของแต่ละพรรคที่ขยับจากนี้ไปคือ"การเตรียมตัวหาเสียง/โปรโมทพรรคและผู้สมัครส.ส."ให้สังคมรับรู้เพื่อการตัดสินใจหย่อนบัตรสองใบในวันข้างหน้า
ปรากฏการณ์หนึ่งในนั้นที่ชัดเจนขึ้นคือเมื่อวันที่ 2 ก.ย. 2565 บริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ว่า "สมคิด"ได้มีหนังสือ ขอลาออกตำแหน่งกรรมการบริษัท และประธานกรรมการบริษัท เนื่องจากติดภารกิจอื่น จึงไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.2565 ขณะที่ "สุรนันทน์ เวชชาชีวะ" รองหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์ข้อความ ระบุว่า "อาจารย์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ได้ลาออกจากการเป็นประธานกลุ่มสหพัฒน์แล้ว โปรดติดตามตอนต่อไป"
แฮชแท็ก" #สร้างอนาคตไทย #ทีมสมคิด " คือหนึ่งในอาวุธที่ใช้โปรโมทกับสังคมออนไลน์ของพรรคสร้างอนาคตไทยในตอนนี้ ดังนั้นแปลความได้ว่าพรรคของกลุ่มสี่กุมารพร้อมรบเต็มกำลังเนื่องจากแม่ทัพใหญ่เจ้าของฉายาซาร์เศรษฐกิจไทยจะมาเป็นหนึ่งในสามแคนดิเดตสร.1ของพรรคอย่างเป็นทางการ และลุยโปรโมทแคมเปญเลือกตั้งของพรรคอย่างเต็มที่
เพราะพบว่าแกนนำพรรค "สร้างอนาคตไทย" หลายคน ประกาศตรงกันในการส่งผู้สมัครส.ส. 400 เขต และบัญชีรายชื่อ 100 คน เพื่อเป็นกำลังที่จะเสนอนายสมคิด เป็น1ในแคนดิเดตของพรรคชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรี โดยพรรคเน้นผลักดันการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ
คำยืนยันนี้สอดรับกับสิ่งที่"อุตตม สาวนายน" หัวหน้าพรรค ระบุว่า พรรคสร้างอนาคตไทยได้เปิดกรอบยุทธศาสตร์ 5 แก้ไข 5 สร้าง พร้อมทั้งนำเสนอนโยบายการจัดตั้งกองทุนสร้างอนาคตไทย (3แสนล้านบาท)เพื่อเป็นกลไกหลักที่จะขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ
สอดรับกับสิ่งที่นายสุรนันทน์เคยแจ้งไว้ว่า" พรรคอยากเห็นกรุงเทพมหานครและจังหวัดปริมณฑล จนถึงจังหวัดภาคตะวันออกภายใต้โครงการ Eastern Economic Corridor (EEC) เติบโตเป็นมหานครของโลก (Greater Bangkok Metropolis) ซึ่งจะเป็นหัวรถจักรทางเศรษฐกิจ ที่มีความสมดุลทั้งพื้นที่พัฒนาเศรษฐกิจ ที่อยู่อาศัย และการรักษาสิ่งแวดล้อม
ขณะเดียวกันกรุงเทพฯ จะเป็นกลไกอำนวยความสะดวกและสนับสนุน (Facilitator) การเจริญเติบโตของจังหวัดอื่น ๆ ทุกจังหวัด (Bangkok Connect) ตามนโยบายพรรคที่จะทำให้ทุกจังหวัดมีโอกาสสร้างความเจริญเติบโตภายใต้เงื่อนของแต่ละจังหวัด (77 Growth Engine)"
ตรงนี้สังคมจะเข้าใจ-ไว้วางใจพรรคนี้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับยุทธการสร้างความหวัง ความเชื่อมั่นของคีย์แมนพรรคนี้ในยามจากนี้ไป
แต่อีกวาระหนึ่งที่น่าจับตาคือการทยอยเปิดตัวสมาชิกพรรค-อดีตส.ส.ในช่วงที่ผ่านมาว่า แต่ละพรรคมีขุมกำลังอย่างไรที่จะชิงแต้มไว้ในมือเพราะ"ระบบบัตรเลือกตั้งส.ส.สองใบ-หาร100นั้น" ( ขนานนโยบายพรรค) ผู้สมัครส.ส.ทั้งสองระบบมีผลร่วมกัน และอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ลึกกว่านั้น อย่าลืมว่า ผู้สมัครส.ส.ระบบเขตมีผลยิ่งกับคะแนนผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ โดยเฉพาะต่างจังหวัดนั้น "ระบบบ้านใหญ่/อดีตส.ส."ยังมีความสำคัญต่อโอกาสที่ผู้สมัครส.ส.จะ"สอบได้"มากกว่า"สอบตก"
ดังนั้นจะเห็นว่าที่ผ่านมา ไม่ว่าเป็น "อุตตม สาวนายน" หัวหน้าพรรค สุพล ฟองงาม แกนนำภาคอีสานเดินสายแนะนำนโยบายพรรคให้ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ภาคอีสาน, นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมภาคใต้ โปรโมทอดีตส.ส.พรรคประชาธิปัตย์และเครือข่ายเป็นระยะ โดยเฉพาะพันเอก(พิเศษ)สุชาติ จันทรโชติกุล ธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล อดีตผู้ว่าจ.ตรัง และ อดีตผู้ว่าจ.สุราษฎร์ธานีที่มาเสริมทัพด้ามขวานทอง(ชิงแต้มพรรคภูมิใจไทย/ประชาธิปัตย์เป็นการเฉพาะ)
ขณะเดียวกันการเปิดพื้นที่ให้"คนรุ่นใหม่"เข้ามาอาสาทำงานการเมืองแก้ไขปัญหาพื้นที่นั้นๆเคียงข้างไปด้วยก็เป็นสิ่งจำเป็น (เลือกตั้งหลายครั้งในหลายพื้นที่พบว่าผู้สมัครหน้าใหม่ล้มยักษ์ได้แบบฮือฮาทั้งเมือง)และต้องเดินเคียงข้างกันไป และอย่าลืมว่าสนามกทม.มีความแปรผันกับหลากพรรคสูงยิ่ง
ดังที่เคยปรากฏว่า ส.ส.วันนี้-อดีตส.ส.หลายสมัยสอบตก/พ่ายแพ้ให้คนหน้าใหม่การเมืองกันมานักต่อนักแล้ว(ปรากฏการณ์นกแล) จึงพบว่ากทม.บางเขตนั้น นายสุรนันทน์ขยับเปิดตัวอดีตส.ส.พรรคไทยรักไทย (เช่นร้อยเอกรชฏ พิสิฐบรรณกร อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ,นางลลิตา ฤกษ์สำราญ อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ,นาวาอากาศโทนพ.รวยลาภ เอี่ยมทอง อดีตส.ส.กทม.,นายประจวบ อึ้งภากรณ์ อดีตส.ส.กทม. )เพื่อมาลุยชิงแต้มขั้นต้นในบางเขตให้อุ่นใจ
ส่วนน้ำหนัก"แจ๊กผู้ฆ่ายักษ์"นั้น พบว่า การบ้านข้อนี้ของ"เดอะปุ้ม"นับว่าหนักอึ้ง เพราะ 33 เขตเลือกตั้งในกทม.ที่จะใช้กับการเลือกตั้งส.ส.งวดหน้า(เดิมมี 30 เขตเลือกตั้ง) นั้นสนามนี้พรรคเพื่อไทย-พรรคก้าวไกลยังหวังกวาดเก้าอี้(เพื่อไทยในตอนนี้มี 11ส.ส. ก้าวไกล 10ส.ส.) ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ที่สูญพันธุ์ไปในงวดที่แล้วหวังคัมแบ็ก โดยชู"ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์" เป็นหัวหอก ขณะที่พรรคพลังประชารัฐมี 11 ส.ส.เมืองหลวงในวันนี้ก็ลุ้นหนักเพราะกระแสพรรคตอนนี้มิใช่แรงบวก ด้านพรรคน้องใหม่ เช่นพรรครวมไทยสร้างชาติที่ระดมอดีตขุนพลจากพรรคสีฟ้าหวังลุ้นในบางเขตคล้ายกับพรรคไทยสร้างไทยของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หวังได้ส.ส.กทม.หลายเขตเช่นกัน
แต่ความหวังนั้นยังพอมีให้ลุ้น.... เพราะวงในแจ้งว่า"เดอะปุ้ม" ทาบทามอดีตทีมงานรักษ์กรุงเทพบางส่วนมาเสริมทัพ เน้นคนทำงาน/คนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ และเกาะติดพื้นที่มาลุย โดยตอนนี้พบว่าเร็วๆนี้จะมีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.และทีมงานอีกครั้ง (อาจเปลี่ยนแปลงรายชื่อ/ระบบเลือกตั้งตามความเหมาะสม ) เช่น ชนม์กรุณ จารุกุลพรไพศาล/ อภิชาติ จรัสโภคา/ พงศพัศ กตรุณวิสิทธิ์/น.ส.พัชรนันท์ โกศลสมบัตินนท์ ฯลฯ โดยคนรุ่นใหม่นี้"เดอะปุ้ม"คัดกรองด้วยตัวเอง ( บางคนขึ้นป้ายแนะนำตัวในบางเขตไปบ้างแล้ว) โดย"เดอะปุ้ม"ใช้ประสบการณ์สมัยพรรคพลังธรรม/ไทยรักไทยมาเป็นตัวเทียบเคียง
รอลุ้นว่าพรรคใหม่พรรคนี้จะสมหวังเพียงใด (โดยเฉพาะสนามกทม.ที่เป็นดัชนีชี้วัดหลัก)และการเปิดตัวซาร์เศรษฐกิจไทยที่ชื่อ"สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"และ"สมคิดโมเดล"นั้นจะซื้อใจคนไทยได้แค่ไหน...กับการเลือกตั้งงวดหน้าในไม่กี่วันข้างหน้านี้