
น.ส. ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุ เศรษฐกิจไทยในเดือน พ.ย. โดยรวมขยายตัวจากเดือนก่อน จากเครื่องชี้ด้านอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศ อุปสงค์ต่างประเทศปรับเพิ่มขึ้นตามการส่งออกที่ขยายตัวในหลายหมวด และรายรับนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นตัวต่อเนื่อง อุปสงค์ในประเทศปรับเพิ่มขึ้นจากการลงทุนทั้งของภาคเอกชนและภาครัฐ ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนลดลงเล็กน้อยตามการใช้น้ำมันและไฟฟ้า แม้การใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภคและหมวดบริการยังขยายตัว
ด้านอุปทานทรงตัว โดยภาคบริการขยายตัวตามกิจกรรมในภาคท่องเที่ยวและการค้า ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวจากทั้งการปิดซ่อมบำรุงชั่วคราว และน้ำท่วม รวมถึงอุปสงค์ที่มีแนวโน้มชะลอลง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบน้อยลงจากหมวดอาหารสด ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวกใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยมีประเด็นที่ต้องติดตาม ผลกระทบจาก 1) การแข็งค่าของเงินบาท 2) สถานการณ์ไทย-กัมพูชา และน้ำท่วม 3) มาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ
เศรษฐกิจไทยในเดือนพฤศจิกายนขยายตัวจากเดือนก่อน จากอุปสงค์ต่างประเทศโดยการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำขยายตัวในหลายหมวดโดยเฉพาะเครื่องประดับและอิเล็กทรอนิกส์ และรายรับภาคการท่องเที่ยวปรับเพิ่มขึ้นตามการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล ส่งผลให้กิจกรรมในภาคบริการที่เกี่ยวข้องปรับเพิ่มขึ้นสอดคล้องกัน ส่วนอุปสงค์ในประเทศโดยรวมขยายตัวจากการลงทุนภาคเอกชนรวมถึงรายจ่ายลงทุนของทั้งรัฐบาลกลางและรัฐวิสาหกิจ
สำหรับเครื่องชี้ภาคบริการเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 0.5% สอดคล้องกิจกรรมการท่องเที่ยวและการค้า โดยธุรกิจโรงแรมและภัตตาคารปรับเพิ่มขึ้นจากการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวต่างชาติและนักท่องเที่ยวไทย ซึ่งรับแรงหนุนจากมาตรการภาครัฐ เช่น เที่ยวดีมีคืนและคนละครึ่งพลัส โดยธุรกิจขนส่งผู้โดยสารปรับเพิ่มขึ้น จากการขยายเส้นทางบินของสายการบินในประเทศ ขณะที่ภาคการค้าปรับดีขึ้นตามการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภค และกิจกรรมขนส่งสินค้า
ส่วนรายรับจากนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือน พ.ย.เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 5.3% จากการใช้จ่ายต่อทริปที่สูงขึ้นของนักท่องเที่ยวตลาดระยะไกล ซึ่งชดเชยการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวตลาดระยะใกล้ที่ลดลง ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ 2.9 ล้านคน ลดลงเล็กน้อยจากนักท่องเที่ยวจีน เกาหลีใต้และมาเลเซีย โดยรับผลจากการเร่งเดินทางในเดือนก่อน และข้อจำกัดจากสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 21 ธ.ค.มีนักท่องเที่ยวต่างชาติสะสม 31.8 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม การบริโภคภาคเอกชนลดลงเล็กน้อยตามการใช้น้ำมันและไฟฟ้า แม้การใช้จ่ายในสินค้าอุปโภคบริโภคและหมวดบริการยังขยายตัว ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงในหลายหมวด โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราว อาทิ หมวดปิโตรเลียมตามการหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อซ่อมบำรุงโรงกลั่น และหมวดอาหารตามการหยุดผลิตชั่วคราวจากน้ำท่วมภาคใต้ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากแนวโน้มอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่ชะลอลง
เสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบน้อยลงจากเดือนก่อนตามหมวดอาหารสด จากราคาผักที่สูงขึ้นจากผลของน้ำท่วม สำหรับอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังเป็นบวกใกล้เคียงกับเดือนก่อน โดยราคาค่าโดยสารสาธารณะ อาหารโทรสั่งและของใช้ส่วนตัวปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาเครื่องประกอบอาหารลดลง ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลจากทั้งดุลบริการ รายได้ และเงินโอน และดุลการค้า สำหรับการจ้างงานในตลาดแรงงานทรงตัว
อีกหนึ่งประเด็นความเสี่ยง คือ ค่าเงินบาทที่แข็งค่ามากกว่าปัจจัยพื้นฐานบางช่วงจากปัจจัยภายนอก เช่น ทิศทางนโยบายการเงินสหรัฐที่ผ่อนคลาย และปัจจัยเฉพาะของไทย อาทิ เงินทุนไหลเข้าตลาดพันธบัตร รายรับจากการท่องเที่ยว และราคาทองคำที่อยู่ระดับสูง ซึ่งอาจกระทบความเชื่อมั่นภาคธุรกิจและภาคการส่งออก นอกจากนี้ ต้องติดตามผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมต่อการฟื้นตัวของธุรกิจบางพื้นที่ รวมถึงความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา และความเสี่ยงจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ ซึ่งแม้ปัจจุบันผลกระทบการส่งออกรวมยังไม่เด่นชัด แต่บางหมวดโดยเฉพาะสินค้าเกษตรหดตัวต่อเนื่อง