
นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อำลาตำแหน่ง และเป็นประธานในพิธีมอบโล่เกียรติคุณและของที่ระลึกแก่ผู้เกษียณอายุราชการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ประจำปี 2568
นายวราวุธ ได้ขอบคุณทุกคนที่ทุ่มเททำงานเพื่อกระทรวง และทุกคนถือเป็นฟันเฟืองที่สำคัญไม่มีใครใหญ่ ไม่มีใครเล็ก ไม่มีใครสำคัญน้อยหรือมากไปกว่ากัน เพราะหากไม่มีใครทำหน้าที่ของตนอย่างเต็มที่ งานก็จะไม่สามารถขับเคลื่อนได้
นายวราวุธ ยังกล่าวถึงปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ที่หลังจากเกษียณจะไปช่วยงานที่จังหวัดสุพรรณบุรีว่า เป็นสิ่งที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และถ้าใครที่เกษียณแล้วอยากไปอยู่ที่จังหวัดสุพรรณบุรีก็มาได้เลย เพราะทุกวันนี้มีแต่คนแต่งงานออกไปนอกจังหวัด อยากให้คนเข้ามาที่สุพรรณบุรีมาก ๆ เพราะจะได้มาลงคะแนนเลือกตนเป็น สส. อีก
นายวราวุธ ยังได้กล่าวเปิดใจว่า ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ขอขอบคุณทุกคนจากใจ จากคนที่ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับกระทรวงฯ แต่วันนี้ภาพที่ตนมองเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หากตนไม่มีทีมงานที่เข้มแข็งคงไม่สามารถทำงานให้เข้าใจและพัฒนาในหลายมิติได้ พร้อมยืนยันว่า จากนี้ไปแม้จะต้องไปทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านในสภา แต่สิ่งที่เกิดขึ้น เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในชีวิต เพราะการที่ประเทศไทยจะเดินหน้าได้จะต้องเริ่มต้นที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์
นายวราวุธ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ยังกล่าวถึงการทำหน้าที่ฝ่ายค้านและการเตรียมตัวเข้าสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าว่า แนวทางของพรรคชาติไทยพัฒนา ยังยึดมั่นในการสร้างศักยภาพและความเข้มแข็งให้กับประชาชน การทำงานตลอด 2 ปีที่ผ่านมาในกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์สะท้อนให้เห็นปณิธานของนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้เบ็ดตกปลา ไม่ใช่ให้ปลากับประชาชน ดังนั้น แนวทางในการเลือกตั้งครั้งหน้าของพรรคชาติไทยพัฒนา ยังเน้นสร้างความเข้มแข็งให้กับประชาชน ให้สามารถอยู่ในสังคม และสภาวะเศรษฐกิจได้ด้วยศักยภาพของตนเอง แม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ก็สามารถพึ่งพาตนเองได้ ซึ่งจะทำให้เกิดความยั่งยืน มั่นคงในระยะยาว
ส่วนเตรียมสรรหาผู้สมัครในส่วนของพรรคชาติไทยพัฒนานั้น นายวราวุธ กล่าวว่า ตอนนี้มีการพูดคุยกันอยู่กับหลายๆ ฝ่าย และเชื่อมั่นว่า ในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาจะขยายจำนวน สส.ให้เกินจากที่เราเคยได้มา ซึ่งจะยึดฐานที่มั่นเดิมของพรรคชาติไทยพัฒนาไว้ให้ได้ และจะเสริมฐานที่มั่นใหม่ และเชื่อว่า ประชาชนคงได้เห็นการทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนา และจะทำให้ครอบครัวชาติไทยพัฒนาอบอุ่นมากขึ้น เติบโตมากขึ้น โดยที่ไม่เสียพื้นที่เดิมของพวกเรา
ส่วนการทำหน้าที่ฝ่ายค้านในสภาฯ นั้น นายวราวุธ กล่าวว่า จะใช้องค์ความรู้ในการเป็นรัฐมนตรีตลอด 6 ปี มาเสนอแนะและฝากข้อสังเกตให้รัฐบาล ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนา เป็นฝ่ายค้านแล้ว จะตั้งหน้าตั้งตา ต่อว่าต่อขาน เรื่องใดที่ดีจะสนับสนุน เรื่องใดที่คิดว่าควรจะปรับปรุง จะเสนอแนะ และฝากความกังวล ความเป็นห่วง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อรัฐบาลมากกว่า เพราะเราไม่เชื่อในการด่าทอกัน เพราะไม่ทำให้เกิดการพัฒนา