svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

ท้าชิงส้ม “แพทองธาร” ทวงคืนเมืองหลวง “ชินวัตร” โจทย์ยากเชียงใหม่เปลี่ยน

การบ้านหัวหน้าพรรค “จุลพันธ์” รับโจทย์ใหญ่ “แพทองธาร” ฝันทวงคืนเชียงใหม่ ในกระแสส้มที่อ่อนแรงลงบ้าง

12 พฤศจิกายน 2568 ชิงเมืองหลวงชินวัตร แพทองธาร ผนึกจุลพันธ์ เปลี่ยนทัพแดงท้าชิงส้ม โจทย์ยากสมรภูมิ สส.เชียงใหม่เปลี่ยน ทักษิณเสื่อมมนต์


นิด้าโพลภาคเหนือ ณัฐพงษ์-พรรคประชาชน มีแต้มต่อพรรคเพื่อไทยค่อนข้างเยอะ ค่ายแดงยังมีที่ยืนแค่เหนือตอนบน


สัปดาห์นี้ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เปิดประชุมอบรมผู้เสนอตัวลงสมัครเลือกตั้ง สส. ซึ่งเป็นความพยายามที่จะปั้นคนรุ่นใหม่มาแทนคนรุ่นเก่า


ในสนามเลือกตั้งสมัยหน้า พรรคเพื่อไทยตกขบวน “พรรคกระแส” เพราะเหตุปัจจัยการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วหรือรัฐบาลดีลพันลึก


ล่าสุด นิด้าโพลเผยผลสำรวจเรื่อง “กระแสการเมือง ภาคเหนือ” ทั้งตอนบน-ตอนล่าง 17 จังหวัด


เฉพาะในส่วนพรรคการเมืองที่คนเหนือจะสนับสนุนในวันนี้ พรรคประชาชน ร้อยละ 28.10 พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 16.60 และพรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 10.40


ทั้งที่ก่อนการเลือกตั้งปี 2566 พรรคเพื่อไทยยังมาเป็นอันดับ 1 ที่คนภาคเหนือจะเลือกมากกว่าร้อยละ 40 ตามผลสำรวจของนิด้าโพล


ดังนั้น เมื่อโฟกัสไปที่ จ.เชียงใหม่ สนามเลือกตั้งใหญ่และเคยได้รับการโจษขานว่าเป็น “เมืองหลวงชินวัตร” ในการเลือกตั้งสมัยหน้า ดูท่าน่าจะเป็นโจทย์ยากของ “จุลพันธ์” สส.เชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้าพรรคสีแดง

จุลพันธ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย รับโจทย์ยากท้าชิงพรรคส้ม

ส่อง 4 สนามโซนเมือง
 

ก่อนวันเลือกตั้ง 14 พ.ค.2566 ไม่มีกูรูการเมืองคนไหนจะคาดคิดว่า พรรคเพื่อไทย ได้ สส.เชียงใหม่ 2 คน จากทั้งหมด 10 คน เนื่องจากในรอบ 20 ปี จ.เชียงใหม่ เป็นเมืองหลวงของชินวัตร


ผู้รอดจากพายุสีส้มคือ เขต 5 จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท.คนปัจจุบัน และเขต 10 “ออม” ศรีโสภา โกฏิคำลือ ทายาทกำนันศรีเรศ บ้านใหญ่ อ.ฮอด


สำหรับการเลือกตั้ง สส.เชียงใหม่สมัยหน้า พรรคเพื่อไทย ได้เปิดตัวผู้สมัคร สส.มาแล้วเกือบครบทั้ง 10 เขต ส่วนใหญ่เป็นคนหน้าใหม่ มีทั้งคนรุ่นใหม่ และบ้านใหญ่ระดับอำเภอ


ชั่วโมงนี้ ขอสแกนไปเฉพาะ 4 เขตเลือกตั้ง ที่มีลักษณะสังคมเป็น “เมือง” มากกว่าชนบท หรือกึ่งเมืองกึ่งชนบท 


เขต 1 (อ.เมืองเชียงใหม่) ค่ายสีแดงส่ง “หมอโจ้” นพ.ธีรพัฒน์ ตันพิริยะกุล รองนายก อบจ.เชียงใหม่ สายตรง “นายกก๊อง” พิชัย เลิศพงศ์อดิศร นายก อบจ.เชียงใหม่ ส่วนพรรคสีส้มยังส่งแชมป์เก่า เพชรรัตน์ ใหม่ชมภู สส.เชียงใหม่


เขต 2 (อ.เมืองเชียงใหม่) หัวหน้าจุลพันธ์เลือก “หยก” ปนันรัตน์ วิริยะกุลศานต์ ลูกสะใภ้ “เจ้ปุ้ย” วิภาวัลย์ วรพุฒิพงค์ อดีตรองนายก อบจ.เชียงใหม่ ลงแข่งกับแชมป์เก่า การณิก จันทดา พรรคสีส้ม


“หยก ปนันรัตน์” เคยถูกวางตัวลงสมัครนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ ในนามเพื่อไทย แต่ “นายกก๊อง” เลือก อัศนี บูรณุปกรณ์


เขต 3 (อ.สันกำแพง) “ท็อป” จักรพล ตั้งสุทธิธรรม อดีต สส.เชียงใหม่ ที่ถูกย้ายไปลงเขต 1 แล้วสอบตก สมัยหน้าถูกย้ายกลับเขต 3 ชนแชมป์เก่า ณัฐพล โตวิจักษณ์ชัยกล


เขต 4 (อ.สันทราย) ปลายเดือน ต.ค.2568 เพื่อไทยเปิดตัว “โน้ต” ภานุ เจริญสุข นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเจดีย์แม่ครัว  อ.สันทราย เจอกับแชมป์ค่ายสีส้ม พุธิตา ชัยอนันต์ 

 

แพทองธาร ยังเชื่อใน DNA เพื่อไทย ผลสำเร็จในอดีต

เชียงใหม่เปลี่ยนไปแล้ว
 

ประเมินจากนิด้าโพลเรื่องการเมืองภาคเหนือ ผลเลือกตั้ง สส.เชียงใหม่ ไม่น่าจะเปลี่ยนไปจากสมัยที่แล้ว


เมื่อกลับไปเปิดดูผลคะแนน สส.บัญชีรายชื่อ จ.เชียงใหม่ปี 2566 พรรคก้าวไกล ได้ 469,436 คะแนน และพรรคเพื่อไทย ได้ 358,286 คะแนน


เปรียบเทียบกับผลคะแนนนายก อบจ.เชียงใหม่ แม้ค่ายสีแดงชนะค่ายสีส้ม แต่ก็ไม่ทิ้งห่างกันมากนัก ซึ่งการเลือกตั้งท้องถิ่น ไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า


นักวิชาการจากค่ายนิด้าจึงจัดวางพรรคเพื่อไทยไว้อยู่ในหมวด “ความทรงจำ” คือ ชูความสำเร็จในอดีต ขณะที่พรรคประชาชน อยู่ในหมวด “อนาคต”


ย้อนไปฟัง ณัฐกร วิทิตานนท์ คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ ม.เชียงใหม่ วิเคราะห์เลือกตั้ง สส.เชียงใหม่สมัยที่แล้ว ซึ่งยอมรับว่า คนเลือกจากกระแสจริงๆ โดยไม่สนใจว่า ผู้สมัคร สส.เป็นใคร

เหนืออื่นใด สภาพสังคมเชียงใหม่เปลี่ยนไปแล้ว โดยเฉพาะเขต อ.เมืองเชียงใหม่ อ.สันกำแพง และ อ.สันทราย