“สรัยดึก” แม่ทัพสาบสูญ “สมรังสี” ขยี้ฮุนเซน แพ้ไทยเซ่นทหารเขมรนับพัน

11 สิงหาคม 2568 ไม่มีข่าวคราว พล.อ.สรัย ดึก แม่ทัพพระวิหาร สมรังสี ผู้นำฝ่ายค้านเรียกร้อง "ฮุน มาเนต" เปิดเผยความจริง กรณีทหารตาย 3 พันนาย

ชนชั้นในกองทัพกัมพูชา นักรบรองเท้าแตะปล่อยให้ตายกลางป่า ฮุนเซนดูแลเฉพาะทหารรบพิเศษ กองทัพส่วนตัว

“ตัวเลข” ทหารกัมพูชา ตายและบาดเจ็บจำนวนเท่าใดในสมรภูมิรบไทย-กัมพูชา กำลังเป็นประเด็นการเมือง เมื่ออดีตผู้นำพรรคฝ่ายค้านลุกขึ้นมาแฉให้ชาวโลกได้รับรู้

รวมถึง Phan Phana แกนนำกองทุนช่วยเหลือผู้ลี้ภัยประชาธิปไตยกัมพูชา(KDRF) ได้โพสต์เฟซบุ๊กถามหานายพลคนดัง “...มีความสงสัยเกี่ยวกับ พล.อ.สรัย ดึก ผมได้รับข้อมูลจากหลายแหล่งว่า เขาไม่เป็นอะไร เพียงแต่เขาไม่ออกมาเลย ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร”

ผ่านมาเกือบ 2 สัปดาห์ นับแต่มีการหยุดยิง พล.อ.สรัย ดึก รองผู้บัญชาการทหารบก และผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ยังไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชน

นัยว่า ทหารในสังกัดของ พล.อ.สรัย ดึก เสียชีวิตเป็นจำนวนมากในสมรภูมิช่องอานม้า ภูมะเขือ ซำแต และภูผี

สอดรับกับที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยข้อมูลความสูญเสียของทหารฝ่ายกัมพูชาน่าจะประมาณ 3,000 คน เพราะใช้กำลังทหารในปฏิบัติการจำนวนมาก

เมื่อวันที่ 10 ส.ค.2568 สม รังสี อดีตผู้นำพรรค CNRP มีกิจกรรมสังสรรค์กับชาวเขมรที่เมือง Chambéry ประเทศฝรั่งเศส โดย สม รังสี ได้วิจารณ์กองทัพกัมพูชาว่า ทหารยิงปืน(จรวด BM21) ไม่ถูกเป้าหมาย เพราะใช้อาวุธจีนไร้ประสิทธิภาพ ยิงไปโดนที่อยู่อาศัยพลเรือนของไทย ขณะที่กองทัพไทยใช้เครื่องบิน F-16 ยิงถูกเป้าหมายอย่างแม่นยำ

เหตุที่ สม รังสี ออกมาพูดทำนองนี้ ก็เพราะเขาหนุนให้ "ฮุน เซน" สลัดทิ้งจีนและหันไปพึ่งสหรัฐฯ

อีกอย่าง สม รังสี ต้องการให้ปฏิรูปกองทัพกัมพูชา เป็นกองทัพทันสมัยเพราะทหารส่วนใหญ่ที่ประจำการในภูมิภาค เป็นอดีตทหารเขมรแดงสูงวัย อย่างกองพลสนับสนุนที่ 3 ของ พล.อ.สรัย ดึก ที่ประจำการอยู่ใน จ.พระวิหาร ก็มาจากกองทหารเขมร

 

ความโชคร้ายของสรัยดึก

เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2568 มีรายงานข่าวว่า พล.อ.สรัย ดึก รอง ผบ.ทบ. และ ผบ.กองพลสนับสนุนที่ 3 เสียชีวิตที่สมรภูมิช่องบก อ.จอมกระสาน จ.พระวิหาร แต่ทางฝั่งกัมพูชา ก็ไม่มีใครยืนยันการเสียชีวิตของ "สรัยดึก"

ต่อมา กระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกมาปฏิเสธการรายงานของหนังสือพิมพ์ไทยฉบับหนึ่งที่ระบุว่า พล.อ.สรัย ดึก ได้เสียชีวิตแล้ว

ชื่อของ พล.อ.สรัย ดึก ปรากฏในสื่อไทยมากกว่านายพลคนอื่น เพราะเขาเป็น ผบ.กองพลสนับสนุนที่ 3 สมัยสู้รบที่เขาพระวิหาร และภูมะเขือ ช่วงปี 2552 และปี 2554

"สรัยดึก" เป็นอดีตนายทหารเขมรแดง สมัยสงครามเขมร 4 ฝ่าย ซึ่งที่มั่นใหญ่ของเขมรแดงเวลานั้นอยู่ที่เมืองอัลลองเวง จ.อุดรมีชัย

ดังนั้น "สมเด็จฮุน เซน" จึงวางกำลังทหารของ พล.อ.สรัย ดึก ที่ จ.เขาพระวิหาร เพราะกำลังพลเป็น “อดีตทหารเขมรแดง” ที่คุ้นเคยกับเทือกเขาพนมดงรัก

การสู้รบในสมรภูมิชายแดนด้าน จ.พระวิหาร ปี 2552 กองทัพภาคที่ 2 ใช้เพียงปืนใหญ่ 155 มม. ยิงใส่ทหารกัมพูชาแตกพ่าย แต่ปี 2568

กองทัพไทยได้ใช้เครื่องบิน F16 และกริพเพน ปฏิบัติการถล่มเป้าหมายอย่างแม่นยำ

นี่คือความโชคร้ายของ พล.อ.สรัย ดึก และอดีตทหารเขมรแดง ต้องฝังร่างไว้ที่ภูผี ซำแต เป็นจำนวนมาก

 

กองทัพเขมรลูกผสม

คนไทยรุ่นหลัง อาจไม่ทราบว่า “เขมร 4 ฝ่าย” ทำข้อตกลงสันติภาพปารีสในปี 2534 ประกอบด้วย

1. พรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา นำโดย เฮง สำริน, เจีย ซิม และฮุน เซน
2. เขมรแดง นำโดย พล พต , เขียว สำพัน และเอียง ซารี
3. พรรคฟุนซินเปก ของสมเด็จพระนโรดม สีหนุ
4. แนวร่วมปลดปล่อยแห่งชาติประชาชนเขมร (KPNLF) โดย ซอน ซาน

หลังการเลือกตั้งในปี 2536 ภายใต้การดูแลของ UNTAC จึงมีการจัดตั้งกองทัพแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยหลอมรวมกองกำลังของเขมร 4 ฝ่ายมาอยู่ในกองทัพเดียวกัน

กองทัพกัมพูชา มีรากเหง้ามาจากกองทัพปฏิวัติ ซึ่งเขมรแดงตั้งขึ้นเพื่อเป็นกองกำลังในการปฏิวัติปลดปล่อยให้กัมพูชา

ดังนั้น ฮุน เซน จึงเป็นพันธมิตรกับเขมรแดง ก่อรัฐประหารยึดอำนาจเมื่อปี 2540 พร้อมกับทำลายกองทัพพรรคฟุนซินเปค และกลุ่มเขมรเสรี

หลังจากนั้น กองทัพบกกัมพูชา ในมือฮุน เซน จึงมีการแบ่งพื้นที่ให้ “นายพลเขมรแดง” ดูแล จ.พระวิหาร จ.อุดรมีชัย และ จ.ไพลิน ส่วนกลุ่มเตีย บัน ก็ดูแลจังหวัดอื่นๆที่เหลืออยู่

ขณะเดียวกัน ฮุน เซน ได้สร้าง “กองทัพส่วนตัว” ขึ้นมาคือ กองพลน้อยที่ 70 ,หน่วยรบพิเศษ 911 และหน่วยองครักษ์ BHQ