
26 กรกฎาคม 2568 บ้านใหญ่เมืองดอกบัว เกรียง กัลป์ตินันท์ ในวันที่แบรนด์ทักษิณไม่ปัง จะยืนอยู่อย่างไร ในสมรภูมิเลือกตั้ง สส.อุบลฯสมัยหน้า
30 ปี บนถนนการเมือง เกรียงโหนกระแสทักษิณคุมเมืองอุบลฯ จังหวะเพื่อไทยขาลง ยังโชคดียึดฐานท้องถิ่นแน่น
ก่อนหน้า ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางมาเยี่ยมชาวบ้านผู้หนีภัยสงครามชายแดน “เสี่ยเบี้ยว” เกรียง กัลป์ตินันท์ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีต รมช.มหาดไทย ควงลูกชาย วรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ สส.อุบลฯ ลูกสะใภ้ พิศทยา ไชยสงคราม นายกเทศมนตรีนครอุบลราชธานี และหลานชาย มวลชน กัลป์ตินันท์ ประธานสภา อบจ.อุบลฯ ได้ลงไปจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์สู้รบ ที่เทศบาลเมืองเดชอุดม อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี
เกรียง กัลป์ตินันท์ ได้ชื่อว่าเป็น “เด็กนายใหญ่” และคนสนิทเจ๊แดง จึงได้เป็น รมช.มหาดไทย สมัยรัฐบาลเศรษฐา
นั่นคือ การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งแรกในชีวิตการเมืองของเสี่ยเบี้ยว นับแต่เล่นการเมืองมานานกว่า 30 ปี
นัยว่า เกรียงรู้สึกผิดหวังที่ไม่ได้ไปต่อในตำแหน่ง รมช.มหาดไทย และในการปรับ ครม.แพทองธาร 2 เขาคาดหวังที่จะรีเทิร์นนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ไม่ได้ตำแหน่งใดๆ
มีข้อน่าสังเกต ในวันเสาร์ที่ 26 ก.ค.2568 ช่วงอดีตนายกฯทักษิณ เดินทางไปที่ อ.เดชอุดม ก็มีแต่ วรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ ลูกชายเกรียง ที่ตามประกบทักษิณ ระหว่างทำกิจกรรมให้กำลังใจชาวบ้านที่หลบภัยการสู้รบ
อันที่จริง อ.เดชอุดม เป็นพื้นที่สีแดง เสี่ยเกรียงปั้น เอกชัย ทรงอำนาจเจริญ เป็น สส.เขตนี้ ปี 2562 แต่สมัยที่แล้ว เอกชัยสอบตก และได้ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
3-4 ทศวรรษที่แล้ว ไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์ อดีตรัฐมนตรี อดีต สส.อุบลฯ ยังเป็นผู้มากบารมีในเขต อ.เมืองอุบลฯ
เวลานั้น “เสี่ยเบี้ยว” เกรียง กัลป์ตินันท์ ยังเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ในนาม “หจก.อุบลวรสิทธิ์ก่อสร้าง”
อิสสระ สมชัย และ วิฑูรย์ นามบุตร สส.อุบลฯ พรรคประชาธิปัตย์ สมัยโน้น ได้ชักชวนให้เสี่ยเบี้ยว ลงสมัคร สส.ในเสื้อสีฟ้า
เกรียง กัลป์ตินันท์ ลงสนามโค่น ไชยศิริ เรืองกาญจนเศรษฐ์ ได้เป็น สส.อุบลฯ สมัยแรก ปี 2538
ปี 2539 เสี่ยเกรียง ย้ายจากพรรค ปชป.ไปสังกัดพรรคความหวังใหม่ ได้เป็น สส.สมัยที่ 2 และเป็นขุนศึกอีสานของค่ายวังน้ำเย็น เสนาะ เทียนทอง
ปี 2544 เกรียงและสุพล ย้ายตาม เสนาะ เทียนทอง มาอยู่พรรคไทยรักไทย สังกัดซุ้มวังน้ำเย็น ต่อมา เกรียงทิ้งไปอยู่ซุ้มวังบัวบานของเจ๊แดง
สมัยพรรคของทักษิณเฟื่องฟู ในเมืองอุบลฯ ก็มีเสือสองตัวอยู่ในถ้ำเดียวกัน นั่นคือ เกรียง กัลป์ตินันท์ และสุพล ฟองงาม
จังหวะที่เกิดคดียุบพรรคไทยรักไทย เกรียงเป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรค จึงต้องไปอยู่ “บ้านเลขที่ 111” เป็นเวลา 5 ปี
สุพล ฟองงาม กลายเป็น สส.อุบลฯ ผู้ที่มีบทบาทโดดเด่นขึ้นมา สุพลจึงได้เป็น รมช.มหาดไทย และรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ในรัฐบาลสมัคร
ปี 2562 สุพล ทิ้งเพื่อไทยไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะย้ายไปพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ประสบความสำเร็จทางการเมือง
ปัจจุบัน เสี่ยเกรียง มี สส.อุบลฯ อยู่เพียง 4 คน จาก สส.ทั้งหมด 11 คน ซึ่งเป็นช่วงเวลาตกต่ำของพรรคเพื่อไทย นับแต่ปี 2554 เป็นต้นมา
ผลการเลือกตั้ง สส.อุบลฯ ปี 2566 สะท้อนว่า แบรนด์ทักษิณเริ่มไม่ขลัง และคนเสื้อแดงจำนวนมาก ย้ายไปสวมเสื้อสีส้ม พร้อมกับเลือกสีน้ำเงิน
อย่างไรก็ตาม ในสนามการเมืองท้องถิ่น เสี่ยเกรียงยังรักษาเก้าอี้นายก อบจ.อุบลฯ และนายกเทศมนตรีนครอุบลฯ ไว้ได้อีกสมัย
ตลอดระยะเวลา 30 ปี กานต์ กัลป์ตินันท์ น้องชายเกรียง ลงสมัครนายก อบจ.อุบลฯ 6 ครั้ง ชนะ 3 ครั้ง แพ้ 3 ครั้ง
ปี 2563 กานต์ กัลป์ตินันท์ กลับมาทวงแชมป์ และได้เป็นนายก อบจ.อุบลฯ ในสีเสื้อเพื่อไทย โดยมีพันธมิตรต่างพรรคอย่าง อิสสระ สมชัย และ วิฑูรย์ นามบุตร
ปี 2568 กานต์ กัลป์ตินันท์ เจอศึกหนัก “มาดามกบ” จิตรวรรณ หวังศุภกิจโกศล เจ้าของพรรคไทรวมพลัง ที่มี สส.อุบลฯ 2 คน ซึ่งกว่าจะชนะได้ เสี่ยเกรียงต้องวิ่งไปหานายใหญ่ให้ช่วยเคลียร์ค่ายแป้งมันโคราช จึงทำให้น้องชายได้นั่งนายก อบจ.อีกสมัย
ส่วน “สิ่ว” พิศทยา ไชยสงคราม ภรรยา “บอมบ์” วรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์ สส.อุบลฯ และลูกสะใภ้เสี่ยเกรียง นั่งนายกเทศมนตรีนครอุบลฯ สมัยที่ 2 แบบไม่ต้องลุ้นเหนื่อย
อนาคตบ้านใหญ่ “กัลป์ตินันท์” ในสีเสื้อเพื่อไทย สำหรับการเมืองระดับชาติ ดูจะไม่สดใสเหมือน 20 ปีผ่านมา เมื่อนายใหญ่มนต์เสื่อม และแบรนด์เพื่อไทยขายยาก