
แฮร์รี เคน เป็นหนึ่งในกองหน้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกมานานกว่าทศวรรษ พัฒนาเกมของตนเองจนเกือบสมบูรณ์แบบ
ในวัย 31 ปี เคนถือเป็นหนึ่งในดาวยิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค ทำลายสถิติเป็นว่าเล่น เขาทำลายสถิติยิงประตูสูงสุดของทั้งท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และทีมชาติอังกฤษได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ปี 2023
เขายิงให้สเปอร์สไปถึง 280 ประตู มากกว่าตำนานอย่างจิมมี กรีฟส์ ถึง 14 ลูก และทำไป 71 ประตูในทีมชาติอังกฤษ มากกว่าเวย์น รูนีย์ ถึง 18 ลูก
ตัวเลขเหล่านี้พิสูจน์ถึงความยิ่งใหญ่ของเคน แต่ก็ยังไม่อาจสื่อถึงทั้งหมดของเขาได้ เขาไม่ใช่แค่หมายเลข 9 ที่คมกริบหน้าประตู แต่ยังเป็นหมายเลข 10 ที่มีวิสัยทัศน์ จินตนาการ ความแม่นยำ และเทคนิคที่หาตัวจับยาก
กล่าวโดยสรุป แฮร์รี เคน คือสองนักเตะในร่างเดียว
แต่แม้จะเก่งกาจเพียงใด หลายคนก็ยังพูดถึงเรื่องเดียว นั่นคือ “เขาไม่เคยได้แชมป์”
จนกระทั่งวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เมื่อไบเออร์ เลเวอร์คูเซนพลาดท่าทำได้แค่เสมอกับไฟร์บวร์ก ส่งให้บาเยิร์นคว้าแชมป์โดยอัตโนมัติ
สำหรับเกียรติยศส่วนตัว เคน ได้มานักต่อนัก เขาคว้ารางวัลรองเท้าทองคำฟุตบอลโลกปี 2018 จากการยิง 6 ประตูในรัสเซีย, รองเท้าทองคำพรีเมียร์ลีก 3 สมัย, รวมถึงดาวซัลโวบุนเดสลีกาในฤดูกาลแรกที่ลงเล่นให้บาเยิร์น มิวนิก และยังมีรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนและประจำฤดูกาลอีกนับไม่ถ้วน
แต่ไม่มีทีมใดเลยที่เขาอยู่ด้วยแล้วคว้าแชมป์ จนถึงวันนี้
ในตอนที่ สเปอร์สคว้าแชมป์ลีกคัพ เมื่อปี 2008 ซึ่งเป็นโทรฟี่ล่าสุดของสโมสร เคน ยังเป็นแค่นักเตะเยาวชน และกว่าจะได้โอกาสในทีมชุดใหญ่ก็ต้องผ่านการยืมตัวหลายสโมสร ทั้งในลีกวัน, แชมเปียนชิพ และพรีเมียร์ลีก
จากเด็กไร้ชื่อเสียง เคนก้าวขึ้นมาเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของสเปอร์ส (280 ประตูจาก 435 นัด) และเป็นดาวยิงอันดับ 2 ของพรีเมียร์ลีกรองจากอลัน เชียเรอร์
แต่ตลอด 10 ปีกับสเปอร์ส โทรฟี่ยังคงเป็นสิ่งที่เคนไม่อาจคว้ามาได้ ทั้งพ่ายในรอบชิงฯ แชมเปียนส์ลีก, รองแชมป์ลีกคัพ 2 ครั้ง และพลาดแชมป์พรีเมียร์ลีกให้เลสเตอร์และเชลซี
กับทีมชาติก็ไม่ต่างกัน เคนคว้ารองเท้าทองคำในฟุตบอลโลก 2018 และยิงประตูสูงสุดร่วมในยูโร 2020 แต่ทีมอังกฤษก็จบด้วยการเป็นรองแชมป์ทั้งสองรายการ
และนี่คือลิสต์ที่ เคน ทำได้แค่ "เกือบ"
"มีคนล้อเลียนเขาว่าเป็นลางร้าย" ทาฟิก คาเลิล ผู้บรรยายจาก ARD Radio กล่าว "บาเยิร์นคว้าแชมป์ลีกมา 11 ปีติด พอเคนมา กลับไม่ชนะอะไรเลย!"
ในทีมชาติอังกฤษ เคนเป็นกำลังหลักในการพาทีมทะลุไปถึงรอบลึกๆ อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในยุคสมัยใหม่ แต่ในยามชี้ชะตา เขามักถูกคาดหวังว่าจะ “แบก” ทีมจนเกินไป และสุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
น่าเสียดายเหลือเกิน ที่ในบรรดา 5 นัดชิงชนะเลิศที่เขาได้ลงเล่น มีเพียงนัดแรกสุดในปี 2015 ที่เขาดูเฉียบคมที่สุด แต่เป็นตอนที่เขาอายุแค่ 21 ปี ส่วนอีก 4 นัดหลังจากนั้น สภาพร่างกายของเขาไม่เคยสมบูรณ์เลย
แต่วันนี้ เรื่องราวบทใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แฮร์รี เคน คว้าแชมป์ได้เสียที