svasdssvasds
เนชั่นทีวี

lifestyle1

Godzilla x Kong: The New Empire ในโลกของมอนสเตอร์ มนุษย์ช่างไร้ความหมาย

ก็อดซิลล่าและคองกลับมาอีกครั้งในหนังภาคใหม่ Godzilla x Kong: The New Empire ครั้งนี้สองไททันต้องจับมือกันเพื่อรับมือกับภัยร้ายที่รุนแรงกว่าคราวก่อน เป็นการกลับมาเพื่อย้ำเตือนว่ามอนสเตอร์นั้นยิ่งใหญ่แค่ไหน และมนุษย์เล็กจ้อยเพียงใด

จะว่าไปแล้ว ภาพยนตร์ที่กล่าวกันว่าเป็นภาพยนตร์กระแสหลักนั้น แม้ด้านหนึ่งจะการันตีว่ามีผู้ชมเยอะเป็นที่แน่นอน กระนั้น จำนวนและความกว้างของกลุ่มผู้ชมนี่เองที่ก็อาจจะเป็น 'ความยาก' อย่างหนึ่งของการทำหนังให้ออกมาถูกปาก—แม้รสชาติจะไม่โดดเด่นแหลมคมเหมือนหนังเฉพาะกลุ่ม แต่ถึงที่สุดมันต้องมีรสชาติบางอย่างที่ทุกคนกำซาบร่วมกันได้ โดยที่ก็ต้องระวังไม่ให้มันเป็นรสชาติที่ 'กลางๆ' จนเกินไปเสียจนคนดูจดจำอะไรไม่ได้ และถึงที่สุด มันก็อาจต้องทำงานในแง่ความสนุกเพลิดเพลิน ตอบโจทย์ความบันเทิงอันเป็นคุณสมบัติหนึ่งของภาพยนตร์

ผู้กำกับ อดัม วิงการ์ด น่าจะเข้าใจ 'รสชาติ' ของหนังบล็อกบัสเตอร์พอสมควร โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในจักรวาลอสูรยักษ์อย่าง MonsterVerse ที่สองสัตว์ประหลาดอย่างก็อดซิลล่ากับคองต่างปะทะ—ครอบครองบางพื้นที่ของจักรวาล หลังเคยเผชิญหน้ากันมาแล้วจาก Godzilla vs. Kong (2021) ตามมาด้วยภาคล่าสุดที่กำลังเข้าโรงฉายในเวลานี้อย่าง Godzilla x Kong: The New Empire (2024) ซึ่งคองกับก็อดซิลล่าไม่ได้เป็นศัตรูห้ำหั่นกันอีกต่อไป แต่พวกเขาต้องร่วมมือกันเพื่อปกป้องโลกและธรรมชาติจากศัตรูร้ายที่หลุดมาจากอีกจักรวาลหนึ่ง

Godzilla x Kong: The New Empire (2024). ภาพจาก IMDb
 

คองใช้ชีวิตโดดเดี่ยวอยู่ในฮอลโลว์เอิร์ธ หนังฉายให้เห็นว่ามันไม่ได้เป็นแค่สัตว์ประหลาดบ้าพลัง แต่มีสติปัญญาวางแผนและทำกับดักรับมือศัตรู พร้อมกันกับที่มันก็มีความอ่อนไหวต่อความโดดเดี่ยวของตัวเองบางอย่าง มิหนำซ้ำ หนังยังขยายความเปราะบางในเรือนร่างอันทนทานของคองเมื่อมันปวดฟันจนต้องกระโจนข้ามจักรวาลให้มนุษย์มาช่วยแก้ปัญหาให้ ดร.แอนดรูว์ส (รีเบกกา ฮอลล์) ที่สนิทชิดเชื้อกับคองจึงต้องคอยดูแลเรื่องนี้ ขณะที่อีกด้าน เธอก็จับตาดูพฤติกรรมของก็อดซิลล่าด้วยความหวาดระแวง เมื่อไททันยักษ์เดินไปดูดกลืนพลังงานกัมมันตรังสีโดยไม่มีเหตุผลราวกับกำลังเตรียมพลังงานเพื่อทำการบางอย่าง

ฟากคองนั้นเมื่อหายดีก็กลับไปใช้ชีวิตในฮอลโลว์เอิร์ธ และบังเอิญเจอเข้ากับฝูงเอปอันธพาล ซึ่งกลายเป็นว่า ลึกลงไปในชั้นใต้ดินนั้นเต็มไปด้วยฝูงเอปที่ทุกข์ทนจากการปกครองแสนเหี้ยมโหดของ สการ์คิง ราชันย์แห่งเอปที่มีอำนาจครองครองพลังหิมะของ ชิโม ไททันที่ถูกตรวจโซ่ไว้ และแม้คองจะอยากปลดปล่อยเหล่าเอปผู้น่าสงสารจากการปกครองแสนเผด็จการของสการ์คิงมากเพียงใด แต่มันก็พ่ายแพ้ให้พลังหิมะของชิโมจนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่แขน ทางรอดเดียวของสถานการณ์นี้คือมันต้องให้ก็อดซิลล่า—ซึ่งได้รับสัญญาณความผิดปกติจากฮอลโลว์เอิร์ธมาพักใหญ่จึงสะสมพลังกัมมันตรังสีจนเต็มขีดเรื่อยมา—มาช่วยเหลือ

Godzilla x Kong: The New Empire (2024). ภาพจาก IMDb

อันที่จริงแล้วก็ไม่น่าประหลาดใจที่หนังจะเข้าสูตร enemies to lovers trope เพราะภาคก่อนอย่าง Godzilla vs. Kong เมื่อถึงองก์สุดท้ายของเรื่อง หนังก็ฉายให้เห็นการเป็นพันธมิตรกันระหว่างคองกับก็อดซิลล่าเพราะศัตรูที่แท้จริงคือมนุษย์กับแผนร้าย และยิ่งภาคนี้ ตัวละครศัตรูยิ่งถูกวาดภาพไว้ชัดว่าเป็นสการ์คิง เอปผู้เป็นภัยพิบัติต่อฮอลโลว์เอิร์ธและต่อโลกมนุษย์เมื่อมันวาดฝันอยากเถลิงอำนาจในจักรวาลอื่นด้วย คองจึงต้องขอความช่วยเหลือจากศัตรูเก่าอย่างก็อดซิลล่าซึ่งก็เต็มไปด้วยความทุลักทุเลเต็มที เนื่องจากก็อดซิลล่าไม่ใช่สัตว์ประหลาดที่สื่อสารได้

เงื่อนปมประการหนึ่งของหนังใน MonsterVerse คือมนุษย์มีหน้าที่เป็นผู้คาดเดาและผู้บรรยายการกระทำของเหล่าสัตว์ประหลาด และแม้หนังจะประนีประนอมด้วยการให้คองสามารถสื่อสารภาษามือขั้นพื้นฐานได้ แต่บทหนังที่เล่าเรื่องผ่านมนุษย์ส่วนหนึ่งก็หมดไปกับการคาดเดาพฤติกรรมชวนฉงนของไททันยักษ์เหล่านี้ ทั้งตัว ดร.แอนดรูว์ส ที่ต้องไขปริศนาว่าเหตุใดก็อดซิลล่าจึงต้องดูดกลืนพลังกัมมันตรังสีไว้กับตัว หรือสัญญาณลึกลับในฮอลโลว์เอิร์ธ จนต้องให้ เบอร์นี (ไบรอัน ไทรี เฮนรี) จอมเนิร์ดไททันเข้ามาช่วยเหลือ ดังนั้นแล้ว มนุษย์ในหนังจึงมีหน้าที่เป็นล่ามให้คนดูกับเหล่าไททัน หากจะมีความหมายขึ้นสักหน่อยคือเป็นพันธมิตรกับเหล่าสัตว์ยักษ์เหล่านี้ อันจะเห็นได้จากทุกภาค

Godzilla x Kong: The New Empire (2024). ภาพจาก IMDb

และดังที่กล่าวไปแล้วว่า เป็นไปได้ที่อดัม วิงการ์ดจะเข้าใจดีว่าคนดูต้องการอะไร เขาจึงทำหนังตอบโจทย์ความต้องการนั้นโดยไม่อินังขังขอบ กล่าวคือเมื่อคนดูมาดูหนังสัตว์ประหลาด ก็ย่อมอยากเห็นสัตว์ประหลาดทะเลาะกัน และสำหรับ Godzilla x Kong วิงการ์ดก็ผลักความต้องการนี้ของคนดูไปอีกขั้น จากที่เราเคยเห็นก็อดซิลล่าต่อสู้กับคองในภาคก่อน ด้วยสารพัดท่วงท่าเอาตัวรอดของทั้งสอง ภาคนี้เราก็ได้เห็นศัตรูหน้าใหม่ๆ ที่มีพลังเยอะกว่าเดิม การต่อสู้กันระหว่างสการ์คิงกับคองแทบจะเป็นฉากมวยปล้ำระหว่างลิงยักษ์ ขณะที่ก็อดซิลล่ากับชิโมคือการฟาดฟันกันระหว่างไททัน และปลดปล่อยพลังกัมมันตรังสีสู้กับพลังหิมะจากยุคดึกดำบรรพ์ โดยตัวละครที่ถูกพิจารณาว่าเป็นผู้ช่วยหรืออยู่เบื้องหลังคือ มอธรา ไททันยักษ์ที่ผูกพันเป็นหนึ่งเดียวกับอารยธรรมโบราณของมนุษย์ และยังเป็นผู้ช่วยระงับความขัดแย้งระหว่างคองกับก็อดซิลล่าลงได้

อย่างไรก็ดี ครึ่งแรกของเรื่องนั้นตัวละครล้วนปะทะกันกลางป่าในฮอลโลว์เอิร์ธ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ถือเป็นความสดใหม่ของภาพยนตร์ในแฟรนไชส์นี้ เนื่องจากหากไม่นับ Kong: Skull Island (2017) ที่เรื่องราวเกิดขึ้นบนเกาะกะโหลกอันเต็มไปด้วยป่ารกชัฏ ภาพยนตร์อีกสามเรื่องที่เหลือนั้นล้วนแล้วแต่ว่าด้วยความพินาศที่เกิดจากเหล่าสัตว์ประหลาดยักษ์ในตัวเมืองทั้งสิ้น โดยเฉพาะกับ Godzilla vs. Kong ที่เรียกได้ว่าการอาละวาดกันของก็อดซิลล่ากับคองแทบจะทำให้ฮ่องกงยุบหายไปทั้งเกาะ แต่แล้ววิงการ์ดกลับพาเหล่ามอนสเตอร์มาต่อยตีกันบนโลกมนุษย์ ย่านชุมชนอีกหน ด้านหนึ่งนั้นอาจเพื่อแสดงความคารวะต่อ 'ธรรมเนียม' ของภาพยนตร์สัตว์ประหลาด—โดยเฉพาะก็อดซิลล่า—ที่มักพูดถึงการทำลายล้างจากสัตว์ยักษ์

Godzilla x Kong: The New Empire (2024). ภาพจาก IMDb

บทความ 'Reality, as Seen by Godzilla' โดย โจเซฟ ไวสส์ ศาสตราจารย์ด้านมานุษยวิทยาและสังคมวิทยาจากมหาวิทยาลัยเวสเลียน สำรวจไปยังต้นธารของก็อดซิลล่าจากปลายปากกาของ ชิเงรุ คายามะ ว่าแท้จริงแล้วนั้นก็อดซิลล่าเป็นภาพแทนของ "เครื่องเตือนใจว่าธรรมชาตินั้นมีหนทางตอบโต้กลับมาในรูปแบบที่มนุษยชาติไม่อาจคาดถึง" ดังนั้น หนังแฟรนไชส์ก็อดซิลล่าใน MonsterVerse จึงว่าด้วยการที่ก็อดซิลล่าถูกวางให้เป็นเทพที่รักษาสมดุลระหว่างธรรมชาติกับมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ยังเป็นเครื่องทำลายล้างมนุษย์และภาพแทนอารยธรรมต่างๆ ที่มนุษย์สร้างด้วย ไม่ว่าจะตึกรามบ้านช่อง อาคารสูงเสียดฟ้า ไปจนถึงโคลอสเซียมในกรุงโรมที่มันใช้เป็นที่หลับนอน

อีกด้านหนึ่ง มนุษย์ก็มีบทบาทเป็นเสมือนล่ามแปลภาษาของเหล่าสัตว์ยักษ์กับคนดู และเอาเข้าจริงก็แทบไม่ได้มีบทบาทอะไรมากมายไปกว่าการช่วยถอนฟันให้คองหรือรักษาร่างกายเมื่อมันได้รับบาดเจ็บ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็อาจสมกับธีมของจักรวาลที่ว่าด้วย MonsterVerse เมื่อโลกและจักรวาลเป็นของเหล่ามอนสเตอร์ มนุษย์เป็นเพียงผู้อยู่อาศัยไร้ความหมายและไม่อาจต่อกรใดๆ ได้ มนุษย์ไม่เพียงแค่มีบทบาทน้อยลง แต่มนุษย์ยังถูก 'รับรู้' และ 'มองเห็น' โดยสัตว์ประหลาดเหล่านี้น้อยลงทุกที หากพิจารณาว่าภาคแรกๆ อย่าง Godzilla (2014) ยังว่าด้วยเสี้ยวนาทีที่ก็อดซิลล่าตระหนักรู้ถึงการมีอยู่ของเหล่ามนุษยชาติและการต้องอาศัยอยู่ร่วมกันบนโลก, Godzilla: King of the Monsters (2019) ที่มนุษย์มอบลมหายใจต่อให้ก็อดซิลล่าด้วยสารกัมมันตรังสี (และอาจจะนับได้ว่าเป็นฉากที่จิตวิญญาณของมนุษย์กับเทพไททันสื่อสารถึงกันได้ใกล้ชิดที่สุด) เรากลับพบว่าหนังมอนสเตอร์ภายใต้การกำกับของวิงการ์ดลบเลือนเส้นเรื่องเหล่านี้ไปอย่างน่าสนใจ จะมีก็เพียงสายใยระหว่างคองกับมนุษย์ไม่กี่คนที่มันอยู่ด้วยแต่แรกเท่านั้น

Godzilla x Kong: The New Empire (2024). ภาพจาก IMDb

แต่จะอย่างไร วิงการ์ดก็รู้ดีว่าคนดูอยากเข้ามาดูสัตว์ประหลาดทะเลาะกัน และเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะสร้างฉากอันแสนอึกทึก โฉ่งฉ่างเหล่านั้นตลอดทั้งเรื่อง แม้เส้นเรื่องมิติอื่นๆ จะบางเฉียบขนาดไหน แต่การได้เห็นสัตว์ประหลาดต่อยตีกันด้วยท่วงท่าต่างๆ ตลอดจนสารพัดพลังพิเศษ ก็ชวนให้ตื่นตาตื่นใจไม่น้อย ไม่น่าแปลกใจหากมันจะกลายเป็นหนังกระแสหลักที่เต็มไปด้วยบาดแผลยิบย่อยตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็ยังถูกปากคนดูจำนวนมากอยู่ดี—โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากรายได้ที่ทะลุ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปแล้วเรียบร้อย