"บิ๊กตู่" ไม่สนโพลล์หนุนนั่งนายกฯ – ขอเวลาทำงาน

ไปเริ่มกันที่ประเด็นนิด้าโพลก่อน นี่คือผลสำรวจของ "นิด้าโพล" ที่ออกมาเมื่อวาน หัวข้อ "ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป" ปรากฏว่า "นายกฯลุงตู่" พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน คะแนนนำโด่ง ได้ถึง 38.64% รองลงมา คือ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย 13.04% จะเห็นได้ว่าตามหลังมาแบบไม่เห็นฝุ่น อันดับ 3 คือเจ้าของฉายา "หล่อใหญ่" คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ 12.24% ตามด้วยเซเลบการเมืองคนล่าสุด คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่เพิ่งไปจดทะเบียนตั้งพรรคอนาคตใหม่ ได้คะแนนมาถึง 6.88% (ใครที่เคยประมาทพรรคอนาคตใหม่ คงต้องพิจารณาใหม่แล้วค่ะ เอาง่ายๆ คะแนนสูงกว่าหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนปัจจุบัน พลตำรวจโทวิโรจน์ เปาอินทร์ รวมถึง คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส.ด้วยโพลล์ออกมาแบบนี้ ต้องไปถามเจ้าตัวกันหน่อย ไม่ใช่ใครที่ไหน ก็ "นายกฯลุงตู่" นั่นแหละ วันนี้ท่านนายกฯเดินทางกลับจากการประชุมสุดยอดอาเซียน-ออสเตรเลีย ลงเครื่องที่ท่าอากาศยานทหาร บน.6 นักข่าวก็ไปรอสัมภาษณ์กันเพียบ และถามเรื่องนิด้าโพล ปรากฏนายกฯไม่ยอมตอบ ได้แต่บอกว่า "เป็นเรื่องของโพล ขอทำงานก่อน" ไปดูบรรยากาศกันค่ะ
จากนายกฯลุงตู่ ไปที่ "พี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์" กันบ้าง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีวาการกระทรวงกลาโหม บอกว่า ผลสำรวจออกมาอย่างไรก็ว่าไปตามโพลล์ ส่วนกระแสข่าว นายกฯลุงตู่ เตรียมรับตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐนั้น พลเอกประวิตร ไม่ตอบเรื่องนี้ บอกแค่ว่าให้ไปตามนายกฯเอาเอง เพราะตนไม่เล่นการเมือง

"วรเจตน์" เตือนระวังซ้ำรอยพฤษภาทมิฬ

ไปต่อกันที่เสียงวิจารณ์บ้าง อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แกนนำกลุ่ม "นิติราษฎร์" กล่าวระหว่างไปขึ้นศาลทหาร กรณีโพลล์หนุนนายกฯลุงตู่เป็นนายกฯคนต่อไป ซึ่งหมายถึงการเป็น "นายกฯคนนอก" ประเด็นนี้ อาจารย์วรเจตน์ บอกว่า ประเทศไทยเคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาแล้ว คือเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 35 สมัยที่ พลเอกสุจินดา คราประยูร สืบทอดอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี / ฉะนั้นจึงควรนำบทเรียนมาปรับใช้ นี่เป็นเสียงจากนักวิชาการที่เตือนเอาไว้แบบนี้

"ประวิตร" วอนให้เลิกพูดเลื่อนเลือกตั้ง

จากประเด็นเรื่องโพลล์นายกฯคนใหม่ ไปต่อกันที่ประเด็น "เลื่อนเลือกตั้ง" ซึ่งร้อนแรงไม่แพ้กัน เพราะล่าสุด สนช.รวบรวมรายชื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญเพื่อตีความร่างกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.แล้ว ทำให้หลายฝ่ายออกมาคาดการณ์ว่า โรดแมพเลือกตั้งมีแนวโน้มขยับจากเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ออกไปอย่างน้อย 30-45 วัน เมื่อเรื่องราวเป็นแบบนี้ นักข่าวก็เลยไปถามท่านพลเอกประวิตร ปรากฏท่านตอบว่า ให้เลิกพูดได้แล้ว ยืนยันว่าไม่มีเลื่อนโรดแมพ
โจทย์เรื่อง "เลื่อนเลือกตั้ง" กลายเป็นแบบนี้ค่ะ คือเมื่อ สนช.ส่งตีความกฎหมายลูกว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. แต่ไม่ส่งตีความกฎหมายลูกว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ก็จะทำให้กฎหมาย ส.ว.มีขั้นตอนเพิ่มขึ้นมากกว่ากฎหมาย ส.ส. คือขั้นตอนการตีความของศาลรัฐธรรมนูญ แต่กฎหมาย ส.ส.ยืดเวลาบังคบใช้เอาไว้อีก 90 วัน ฉะนั้นหากศาลรัฐธรรมนูญตีความกฎหมาย ส.ว.เสร็จภายใน 90 วัน กรอบเวลาเลือกตั้งตามโรดแมพเดือนกุมภาฯปีหน้าก็จะไม่ขยับ แต่ถ้าศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลามากกว่า 90 วัน ก็จะกระทบโรดแมพแน่นอน ถ้าเราย้อนไปดูการตีความกฎหมาย ป.ป.ช. ศาลรัฐธรรมนูญใช้เวลา 2 เดือนกว่าๆ แต่นั่นคือตีความประเด็นเดียว ส่วนกฎหมาย ส.ว.ตีความหลายประเด็น ก็ต้องรอดูว่าจะใช้เวลาขนาดไหน ที่สำคัญถ้าเกิดศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ากฎหมาย ส.ว.ขัดรัฐธรรมนูญ และมีอันต้อง "ตกไป" ก็ลืมไปได้เลยว่าจะเลือกตั้งเดือนกุมภาฯ 62 เพราะเซียนการเมืองหลายคนถึงกับบอกว่า ปี 62 อาจไม่มีเลือกตั้งเลยด้วยซ้ำ