ล่ามือฆ่าข่มขืนแหม่ม ทุบเพื่อนชายดับ

เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น.วันที่ 15 ก.ย. 57 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ได้รับแจ้งว่าพบ 2 ศพนักท่องเที่ยวชายหญิงต่างชาติไม่ทราบสัญชาติในสภาพเปลือย ถูกฆาตกรรมบนชายหาด จปร. เก่าเต่า อ.เกาะพะงัน ทิ้งศพบนชายหาด เบื้องต้น สภาพศพแหม่มสาวถูกข่มขืนอวัยวะฉีก ถูกตีที่ใบหน้าเละ ส่วนศพผู้ชายถูกทุบที่ศีรษะและท้ายทอยล่าสุด พล.ต.ท.ปัญญา มาเม่น ผบช.ภาค 8 พล.ต.ต.เกียรติพงศ์ ขาวสำอางค์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 8 นั่งเฮลิคอปเตอร์ลงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที พร้อมสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดเกาะจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุให้ได้ เบื้องต้นตั้งข้อสังเกตุว่า คนร้ายที่ก่อเหตุน่าฆ่าศพชายก่อนข่มขืนหญิงสาวแล้วฆ่าปิดปากก่อนนำศพโยนน้ำมีรายงานวงานว่า ก่อนหน้านี้ ที่ชายหาดใกล้ๆที่เกิดเหตุมีการจัดปาร์ตี้บนชายหาด เบื้องต้นสันนิษฐานคาดว่า คนร้ายมีด้วยกัน 2-3 คน ซึ่งผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 สั่งการตำรวจปิดเกาะไล่จับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุให้ได้เร็วที่สุด
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.00 น. ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบสภาพศพพบว่าศพหญิงชาวต่างชาติ มีบาดแผลถูกตีตรงใบหน้า ด้วยของมีคม หน้าเละจนจำไม่ได้ ห่างกันประมาณ 20 เมตร พบศพชายมีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคม ที่บริเวณท้ายทอยคาดว่าจะเป็นจอบ โดยทั้ง 2ศพอยู่ห่างจากบริเวณสถานที่จัดปาร์ตี้ประมาณ 100 เมตร หลังจากมีการจัดปาร์ตี้ในคืนที่ผ่านมามา ทั้งนี้ ตำรวจ สันนิษฐานว่าคนร้ายที่ก่อเหตุ น่าจะเป็นแรงงานต่างด้าวชาวพม่า เพราะคนไทยจะระมัดระวังเรื่องผลกระทบการท่องเที่ยวมาก จะช่วยกันดูแลเรื่องภาพลักษณ์ของการท่องเที่ยวพยายามป้องกันนี้ไม่ให้เกิดเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ โดย ขณะนี้ชาวบ้านบนเกาะเต่าต่างร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจปิดท่าเรือทุกแห่งและช่วยกันค้นหาคนร้ายที่ก่อเหตุทุกจุด พร้อมกับช่วยกันตรวจเช็คแรงงานต่างด้าวทุกสัญชาติที่อยู่ในพื้นที่เกาะเต่า
ททท.ชี้ฆ่า2 นักท่องเที่ยวทำท่องเที่ยวพัง จี้ตร.จับกุมให้เร็วที่สุด
สุราษฎร์-ภาคท่องเที่ยวหวั่นคู่แข่งโหมประเด็นฆ่าสองนักท่องเที่ยวโจมตี จี้ตำรวจจับตัวให้ได้โดยเร็วที่สุดเมื่อวันที่ 15 กย.นายประภาส อินทนปสาธน์ ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานสุราษฎร์ธานี แสดงความเห็นกรณีฆ่านักท่องเที่ยวสองศพว่า กรณีที่ 2 นักท่องเที่ยวถูกฆาตกรรมโหดที่ชายหาดเกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานีนั้น ย่อมมีผลกระทบต่อภาพลักษณ์ทางการท่องเที่ยวอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่นอน ทั้งนี้อยู่ที่การนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชน เพราะหวาดหวั่นว่าคู่แข่ง โดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านได้จังหวะหยิบประเด็นนี้มาโจมตี เพิ่มขึ้นไปอีก ทำให้นักท่องเที่ยวขาดความเชื่อมั่นในเรื่องของความปลอดภัยอย่างไรก็ตามตามภาคท่องเที่ยวเชื่อว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายได้เร็วที่สุด ก็สามารถดึงความเชื่อมั่นกลับคืนมาได้ในระดับหนึ่ง