
ในขณะที่รองประธานาธิบดีกมลา แฮร์ริส กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงขึ้นไปทาบรัศมีของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ 2024 หลังการถอนตัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน และผู้สนับสนุนพากันเรียกเธอว่า "มัมมาลา" (Mommala) ตามชื่อเล่นที่ได้มาตอนทำหน้าที่ "แม่คนใหม่" ของลูกติด 2 คน ของสามี แต่ล่าสุด ดูเหมือนเส้นทางที่กำลังรุ่งโรจน์ของเธอ เริ่มจะขรุขระแล้ว เมื่อมีอดีตทีมงานที่เคยร่วมงานกับเธอออกมาแฉแบบ "ช็อกโลก" ว่า เธอเป็น "ตัวมัมแห่งการบูลลี่" ที่ทำลายจิตวิญญาณในสำนักงาน และเป็นพฤตกรรมที่ท็อกซิกมานานหลายศตวรรษ จนคนที่ร่วมงานด้วยต้องเสียน้ำตา และพากันลาออกไปในระดับที่ไม่เคยมาก่อน
จากการวิเคราะห์ของ "โอเพ่น เดอะ บุ๊กส์" (Open The Books) อค์กรเฝ้าระวังที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ระบุว่า มีทีมงานเพียง 4 คน จากทั้งหมด 71 คน ที่ทำงานให้แฮร์ริส ตั้งแต่ช่วงปีแรกที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ส่วนที่เหลือไม่ลาออกเองก็ถูกไล่ออก ซึ่งแปลว่า อัตราการออกจากงานมีสูงถึง 92% และมีแนวโน้มว่า ปัญหามาจากตัวแฮร์ริสมากกว่าใคร
ในหนังสือ "อเมเจอร์ อาวเออร์" (Amateur Hour) ที่เผยแพร่ในเดือนมกราคม เต็มไปด้วยการ "แฉ" แฮร์ริส โดยย้อนไปเมื่อช่วงปี 2553 ตอนที่เธอยังดำรงตำแหน่งอัยการสูงสุดของรัฐแคลิฟอร์เนีย เธอถูกตราหน้าว่าเป็นตัวท็อกซิกในสำนักงาน
บาร์บารา โอ'คอนเนอร์ อาจารย์มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ซาคราเมนโต (California State University, Sacramento) อ้างว่า นักศึกษาฝึกงานหลายคน ที่ทำงานกับแฮร์ริส พากันร้องไห้กลับมา และบอกว่า รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า มีรายงานด้วยว่าตอนที่เธอได้รับเลือกเป็น ส.ว. ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เมื่อปี 2560 เธอก็ทำลายบรรยากาศของการทำงาน เมื่อผลการวิเคราะห์ชี้ว่า สำนักงานของเธอมีอัตราการลาออกของพนักงานสูงสุดเป็นอันดับ 9 จากจำนวน ส.ว. 114 คน ที่อยู่ในตำแหน่งในช่วงปี 2560-2564
แหล่งข่าวในรัฐสภา บอกว่า เธอจะตำหนิผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยการด่าทอด้วยคำสบถ ที่แม้แต่สมาชิกในฝั่งรีพับลีกันที่มาได้ยินเข้ายังถึงกับตกตะลึง และมีครั้งหนึ่งที่เธอวีนแตกในห้องที่เต็มไปด้วยเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานในวุฒิสภา ไม่ยอมรับการเสนอชื่อผู้พิพากษา เบรทท์ คาวานอห์ (Brett Kavanaugh) เป็นคณะตุลาการศาลสูง เพราะมีชะนักติดหลังที่ถูกกล่าวหาว่า ล่วงละเมิดต่อผู้หญิงคนหนึ่งสมัยที่เรียนชั้นมัธยมปลายเมื่อราว 30 กว่าปีก่อน
ผู้เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า วันนั้นแฮร์ริส สบถออกมาแรงมาก ทั้งยังชี้นิ้วสั่งแม้แต่คนที่ไม่ได้ทำงานให้เธอด้วย และในจดหมายลาออกของเคลลี เมห์เลนบาร์เชอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการของแฮร์ริส ที่ถูกแชร์ในนิวยอร์ก ไทม์ส เมื่อปี 2562 ระบุว่า เธอไม่เคยเห็นใครที่ปฏิบัติต่อพนักงานของตัวเองย่ำแย่ขนาดนี้มาก่อน แม้ขึ้นไปเป็นรองประธานาธิบดี ปัญหาก็เริ่มผุดให้เห็นตั้งแต่ 2-3 เดือนแรก โดยเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2564 สื่อการเมือง "โพลิติโค" (Politico) ได้พูดคุยกับบุคคล 22 คน ที่คุ้นเคยกับสำนักงานของแฮร์ริส และทุกคนอ้างว่า ทีมงานของเธอกำลังประสบกับ "ขวัญกำลังใจที่ตกต่ำ แนวการสื่อสารที่ไม่ดี และทำลายความไว้วางใจในหมู่ผู้ช่วยและเจ้าหน้าที่อาวุโส"