สนามกีฬาลูเซล (Lusail Stadium) ซึ่งเป็นสนามกีฬาหลักของการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งนี้ เป็นฝีมือร่วมสร้างโดยบริษัท ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรักชัน คอร์ปอเรชัน จำกัด (CRCC) มีรูปทรงเหมือนชามอินทผาลัมและโคมเคลือบ โดยจะถูกใช้เป็นสถานที่จัดการแข่งขันนัดสุดท้ายวันที่ 18 ธ.ค.
สนามกีฬา 974 (974 Stadium) สร้างขึ้นโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์ ที่นั่งแบบถอดได้ และบล็อกแยกส่วนอื่นๆ ทำให้กลายเป็นสนามแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลกที่สามารถถอดแยกชิ้นส่วนได้ทั้งหมด โดยมีจำนวนตู้คอนเทนเนอร์รวม 974 ตู้ ซึ่งเป็นตัวเลขเดียวกับรหัสสากลของกาตาร์
การออกแบบสนามกีฬาอัลบัยต์ (Al Bayt) ซึ่งมีหลังคาเปิดและปิดได้ ได้แรงบันดาลใจมาจากเต็นท์ดั้งเดิมของกลุ่มคนร่อนเร่ในภูมิภาคอ่าวอาหรับ
ส่วนสนามกีฬานานาชาติคาลิฟา (Khalifa International Stadium) สร้างขึ้นในปี 1976 ถือเป็นสนามฟุตบอลเก่าแก่ที่สุดของกาตาร์ และเป็นที่ตั้งของทีมฟุตบอลแห่งชาติกาตาร์ด้วย
นอกจากนี้ก็ยังมี สนามกีฬา อัล จานูบ (Al Janoub Stadium) ความจุ 40,000 ที่นั่ง ที่ตัวสนามถูกออกแบบให้มีความทันสมัยโดยมีหลังคาเปิด-ปิด พร้อมระบบทำความเย็น เพื่อให้สามารถใช้จัดการแข่งขันได้ตลอดทั้งปี
อีกสนามก็คือสนาม อัลธูมามา (Al Thumama Stadium) ที่ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบจาก 'Gahfiya' หมวกอาหรับสำหรับผู้ชาย และเป็นสนามแข่งขันฟุตบอลโลกแห่งแรกที่ออกแบบโดยสถาปนิกชาวกาตาร์ ซึ่งสนามนี้ ไม่เพียงแต่จะถูกใช้เป็นสังเวียนฟาดแข้ง แต่ภายในยังมีโรงแรมและมัสยิดไว้บริการนักท่องเที่ยวด้วย
ส่วนสนามกีฬาเอ็ดดูเคชั่น ซิตี้ (Education City Stadium) ถูกออกแบบให้มีรูปทรงเหมือนเพชร และจะส่องความระยิบระยับทั้งในตอนกลางวันและตอนกลางคืน จึงมีอีกชื่อเรียกว่า 'เพชรแห่งทะเลทราย' โดยสนามแห่งนี้เคยถูกใช้เป็นสังเวียนศึกชิงแชมป์สโมสรโลก 2021 นัดชิงชนะเลิศ ระหว่างบาเยิร์น มิวนิค และ ติเกร มาแล้ว
ปิดท้ายที่สนามอาห์เหม็ด บิน อาลี (Ahmad Bin Ali Stadium) ซึ่งออกแบบเพื่อสะท้อนถึงวัฒนธรรมของประเทศกาตาร์ เต็มไปด้วยลวดลายแสนวิจิตร ตั้งแต่สัตว์ป่าพื้นเมืองไปจนถึงประวัติศาสตร์ด้านต่างๆ