svasdssvasds
เนชั่นทีวี

กีฬา

ปรากฏการณ์กีฬาไทย “น้องเทนนิส” คว้าทองโอลิมปิก

24 ธันวาคม 2564
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ในวงการกีฬาตลอดปีที่ผ่านมา สิ่งที่สร้างความสุขให้กับคนไทยมากที่สุดก็คือ การที่ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะหมายเลข 1 ของโลก คว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก “โตเกียวเกมส์” ชนิดที่ต้องลุ้นถึงวินาทีสุดท้าย

เทนนิส พาณิภัค เริ่มเล่นกีฬาเทควันโดตั้งแต่อายุ 9 ปี และใช้เวลาเพียงแค่ 4 ปี ก้าวสู่การเป็นนักกีฬาเทควันโดเยาวชนทีมชาติในปี 2554 หลังคว้าเหรียญทองในการแข่งขันกีฬาเยาวชนแห่งชาติ ครั้งที่ 27 ที่จังหวัดอุตรดิตถ์ จนส่งผลให้ เช ยอง ซอก ผู้ฝึกสอนเทควันโดชาวเกาหลีใต้ เรียกตัวเข้ามาฝึกซ้อม ก่อนขึ้นมาเป็นนักกีฬาเทควันโดทีมชาติไทยในที่สุด

 

"น้องเทนนิส" แข่งเทควันโดมาแล้วกว่า 15 ปี คว้าเหรียญทองมาแล้วถึง 32 เหรียญ แต่ที่สร้างชื่อจนเริ่มเป็นที่รู้จักของแฟนกีฬาชาวไทยก็คือการคว้าเหรียญทองในศึกยูธโอลิมปิก ครั้งที่ 2 ที่จีน ก่อนพัฒนาฝีมือจนคว้าแชมป์โลกได้ 2 สมัย ในปี 2015 และปี 2019 ซึ่งนับเป็นแชมป์โลกคนที่ 4 ของวงการเทควันโดไทย

 

อย่างไรก็ตามในระดับมหกรรมกีฬาอย่าง โอลิมปิกเกมส์ “น้องเทนนิส” ยังไม่สามารถคว้าเหรียญทองได้อย่างที่หวัง โดยที่น่าเจ็บใจที่สุดก็คือ ความพ่ายแพ้ในศึกโอลิมปิก “ริโอ 2016” ที่เธอพ่ายต่อคู่แข่งชาวเกาหลีใต้ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย จนได้แค่เหรียญทองแดงเท่านั้น

คว้าเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2016 "ริโอเกมส์"

มาถึงศึกโอลิมปิก 2020 “โตเกียวเกมส์” น้องเทนนิส ซึ่งมาลงแข่งขันในฐานะเต็ง 1 หลังโชว์ฟอร์มแกร่งมาตลอดเกือบ 3 ปี ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสหลุดมืออีกต่อไป โดยรอบแรกไล่หวดนักกีฬาจากอิสราเอล ขาดลอยถึง 29-5 ต่อด้วยอัดเวียดนามในรอบ 8 คนสุดท้ายด้วยคะแนน 20-11 จากนั้นก็ไล่เตะเจ้าภาพญี่ปุ่นแบบหมดสภาพ 34-12

จนมาถึงรอบชิงชนะเลิศที่เธอได้พบกับ อาเดรียา อิเกลเซียส จอมเตะสาวชาวสเปน ปรากฏว่า “น้องเทนนิส” ต้องเจองานหนักกว่าที่คาด เมื่อถูกคู่แข่งทำคะแนนขึ้นนำไปก่อนจนใกล้จะหมดเวลา แต่แล้วในช่วง 7 วินาทีสุดท้าย จอมเตะสาวไทยก็พลิกสถานการณ์เตะเข้าลำตัวทำแต้มสำคัญพลิกแซงชนะไปได้แบบหวุดหวิด 11-10 คะแนน คว้าเหรียญทองรุ่น 49 กิโลกรัมได้อย่างสุดปาฏิหาริย์ ท่ามกลางเสียงเฮจากแฟนกีฬาชาวไทยทั่วทั้งประเทศ

คว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020 "โตเกียวเกมส์"

หลังคว้าเหรียญทอง “น้องเทนนิส” ได้อัดคลิปขอบคุณแฟนกีฬาชาวไทย โดยกล่าวทั้งน้ำตาว่าเหนื่อยมากกว่าจะมาถึงวันนี้

 

          "สวัสดีค่ะทุกคน วันนี้นิสก็อยากจะมาขอบคุณนะคะที่เมื่อวานติดตามเชียร์นิสและก็จูเนียร์ค่ะ เป็นกำลังใจที่สำคัญมาก ๆ เลยค่ะ วันนี้เราก็ทำได้แล้วนะคะ ได้เหรียญทองโอลิมปิกกลับบ้านแล้วล่ะค่ะ เย้"

          "อันนีนะคะ ก็อยากจะมอบให้ทุกคนเลยค่ะที่ติดตามและก็คอยซัพพอร์ตเรานะคะ มันก็เป็นเหรียญทองที่นิสรอคอยมาทั้งชีวิตค่ะ"

          "ก่อนหน้าคือคือแบบ มีการฝึกซ้อมที่หนักมาก ร้องไห้ทุกวัน ท้อมาก ๆ ค่ะ แบบไม่เคยเจอการฝึกซ้อมที่..หนักที่สุดเท่าที่จะมีมานะคะ นิสว่าแบบ ผ่านมาได้ก็แบบว่า ดีใจมากค่ะ แล้วก็ได้เหรียญทองกลับบ้านด้วย ดีใจจริง ๆ ค่ะ"

          "แล้วก็ขอขอบคุณทุกคนอีกครั้งนึงนะคะ ขอบคุณอีกครั้งนึงค่ะ เจอกันที่ไทยนะคะ บ๊ายบาย"

 

 

จากความสำเร็จในฐานะฮีโร่โอลิมปิกไทยคนล่าสุด ทำให้ น้องเทนนิส ได้รับเงินอัดฉีดรวมถึงกว่า 23 ล้านบาท โดยมาจาก

  • กองทุนพัฒนากีฬาแห่งชาติ การกีฬาแห่งประเทศไทย 12 ล้านบาท
  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ 3 ล้านบาท
  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) 2 ล้านบาท
  • สหพันธ์สมาคมกีฬาชาติ ที่ร่วมกับชมรมกอล์ฟหลักสูตรสมาคมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร เพื่อความมั่นคงขั้นสูง 1 ล้านบาท
  • มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี 1 ล้านบาท
  • บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 1 ล้านบาท
  • นายพงษ์ศักดิ์ จ่าแก้ว นายก อบจ.สุราษฎร์ธานี 1 ล้านบาท
  • เงินเดือนจากคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯ เดือนละ 12,000บาท เป็นเวลา 20 ปี รวม 2.88 ล้านบาท

 

การคว้าเหรียญทองครั้งนี้ของ น้องเทนนิส ไม่ได้เป็นเพียงความสำเร็จในแง่กีฬาเท่านั้น แต่เป็นการจุดประกายให้กับคนไทยทั้งประเทศ ว่าตราบใดที่ใจยังสู้ และมีความเพียรพยายาม ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรค จะต้องเดินทางสู่ความสำเร็จได้สักวัน

"น้องเทนนิส" ผู้สร้างความสุขให้คนไทย

logoline