ในที่สุดแล้ว "ขอนแก่น เอฟซี " หรือ "เดอะทีเร็กซ์" สโมสรฟุตบอลในไทยลีก 2 ที่มี ผศ.ดร.กษม ชนะวงศ์ อธิการบดีวิทยาลัยบัณฑิตเอเซีย จังหวัดขอนแก่น ทำหน้าที่ประธานสโมสร ได้ประกาศแต่งตั้งให้ จักรกริช บุญคำ อดีตนักฟุตบอลของสโมสรขอนแก่น เอฟซี และอดีตผู้เล่นฟุตบอลทีมชาติไทย ที่รีไทร์ตัวเองจากนักฟุตบอลอาชีพ หลังจบฤดูกาล 2017 และเข้ามาทำหน้าที่เป็นสตาฟโค้ชให้กับขอนแก่น เอฟซี ตั้งแต่ฤดูกาล 2018 จนมาถึงปัจจุบันฤดูกาล 2020
ก้าวขึ้นมาเป็น หัวหน้าผู้ฝึกสอนขอนแก่น เอฟซี ฤดูกาล 2020 - 2021 ที่จะกลับมาแข่งขันในเดือนกันยายน ไปจนถึง พฤษภาคม 2564 ภายหลังจาก "เดอะทีเร็กซ์" ขอนแก่น เอฟซี แยกทาง กับ ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย ( โค้ชโต่ย) หัวหน้าผู้ฝึกสอนของทีม ที่เข้ามารับงานให้กับขอนแก่น เอฟซี และพาทีมออกสตาร์ทกับ 4 เกม ในไทยลีก 2 ด้วยผลงาน เสนอ 2 แพ้ 2 รั้งอันดับ 16 จาก 18 ทีม
"เมื่อคืนก็นอนไม่หลับครับ หลังมีประกาศออกไป ( หัวเราะ )ไม่ได้เครียดนะครับ แต่โทรศัทท์ผม รวมไปถึงช่องทางการสื่อสารบนสื่อสังคมออนไลน์ มีการติดต่อสื่อสารเข้ามาตลอดเวลา เพื่อแสดงความยินดี ต่อการได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ให้กับ ขอนแก่น เอฟซี ในการแสดงความยินดีที่เกิดขึ้น หลังจากสโมสรประกาศแต่งตั้งในวันที่ 27 ก็เลยทำให้ ทั้งคืน มีแต่โทรศัพท์เข้ามา" จักรกริช บุญคำ (โค้ชเจ ) หัวหน้าผู้ฝึกสอนขอนแก่น เอฟซี ที่ก้าวขึ้นมารับตำแหน่งและภารกิจ อย่างเป็นทางการเป็นวันที่ 2 ( 28 ) หลังประกาศของสโมสรขอนแก่น เอฟซี มีผลบังคับใช้ ให้สัมภาษณ์กับ " เนชั่น ทีวี" ทางโทรศัพท์
"โค้ชเจ" จักรกริช บุญคำ ปัจจุบันอายุ 38 ปี พื้นเพเดิม เป็นคนจังหวัดพิจิตร ผ่านงานกับสโมสรฟุตบอลในลีกอาชีพ ทั้ง โอสถสถา ,การท่าเรือ ,บีอีซีเทโร ศาสน , สุพรรณบุรี เอฟซี ,แพร่ยูไนเต็ด และขอนแก่น เอฟซี ส่วนกับทีมชาติไทย เขารับใช้ทีมชาติ ระหว่างปี 2004 2008 ในเส้นทางก่อนก้าวขึ้นมาสู่บทบาทหัวหน้าผู้ฝึกสอน อย่างเต็มตัว และน่าที่จะเป็นโค้ช ที่อายุน้อยที่ที่สุด เมื่อเทียบกับอีก 17 ทีมในไทยลีก 2 " โค้ชเจ" รับใช้ต้นสังกัดคือขอนแก่น เอฟซี กับบทบาทสตาฟโค้ช มาตั้งแต่ปี 2018 ในยุคนั้น คือ การคุมทัพของ"โค้ชจุ่น" อนุรักษ์ ศรีเกิด , จนมาถึง "โค้ชแม็ค" พัฒน์พงษ์ ศรีปราโมช,มาซายูกิ มิอุระ และ สุดท้ายคือ " โค้ชโต่ย" ศิริศักดิ์ ยอดญาติไทย และ 3 ปี กับการทำงานในหน้าที่สตาฟโค้ช เป็นสิ่งที่ " โค้ชเจ" แสดงความมั่นใจว่า เขาจะ"เข้าถึง"นักฟุตบอลทุกคน สามารถที่จะดึงเอาศัยภาพของทุกคนมาใช้ เพื่อนำทีมก้าวไปสู่ความสำเร็จ เป็นความสำเร็จที่" จักรกริช" ให้นัยยะว่า " ต้องก้าวไปให้ไกลที่สุด"
4 เกมแรกของไทยลีก 2 สำหรับขอนแก่น เอฟซี ที่มีเพียง 2 คะแนน จากการเสมอ 2 แพ้ 2 อยู่ที่อันดับ 16 ของตาราง จาก18 ทีม แม้ว่าจะออกสตาร์ทได้ไม่ดี แต่ กุนซือป้ายแดง ก็เชื่อมั่นว่า เขาจะพา เดอะทีเร็กซ์ กลับมาอยู่ในเส้นทาง อันเป็นเส้นทางที่ ผศ.ดร.กษม ชนะวงศ์ เคยให้สัมภาษณ์กับ "เนชั่นทีวี" ในช่วงเตรียมทีมขอนแก่น เอฟซี เมื่อครั้งที่"โค้ชโต่ย" นำทัพว่า อยากเห็น"เดอะทีเร็กซ์" นำความสุขกลับคืนมาสู่แฟนบอลชาวขอนแก่น ด้วยการจบผลงานฤดูกาล 2020 คือ การเลื่อนชั้นจาก"ไทยลีก 2" ขึ้นไปสู่"ไทยลีก 1 " และแน่นอนว่าภารกิจทั้งหมดของ"โค้ชโต่ย" และเป้าหมายจาก ประธานสโมสรขอนแก่น เอฟซี ผศ.ดร.กษม ชนะวงศ์ ถูกนำมาวางไว้บนบ่า "เจ" จักรกริช บุญคำ ตั้งแต่วันพุธ ที่ 27 พฤษภาคม เพื่อสานต่อ
ผศ.ดร.กษม ชนะวงศ์ ประธานสโมสรฟุตบอลขอนแก่น เอฟซี ไทยลีก 2
ความมั่นใจของ "เจ" ต่อการที่จะนำพาขอนแก่น เอฟซี กลับมาทำผลงานเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย จากมุมของเขา ก็คือ การที่คลุกคลีอยู่กับทีมมาตลอด 3 ปี ได้เห็นถึงการทำงานของหัวหน้าผู้ฝึกสอนในแต่ละช่วงเวลา , เห็นถึงการเติบโตของนักฟุตบอล ที่ก้าวขึ้นมาจากทีมเยาวชนสู่ทีมชุดใหญ่ ปัจจัยเหล่านี้จะเอื้อต่อการทำงานของเขาให้คล่องตัวยิ่งขึ้น ที่สำคัญ"ทรงบอล" ตลอด 4 เกม จริงอยู่ที่อาจจะผิดพลาดไปบ้าง แต่ทุกอย่างก็กำลังดีขึ้น นักฟุตบอลในทีมกำลังกลับมาได้ กับการรักษาฟอร์มการเล่น อ่านแทคติกจากเฮดโค้ช กระทั่งฟุตบอลพักการแข่งขันไป เพราะการระบาดของโควิด -19 ดังนั้นจากนี้ไป คือ การกลับมาเซ็ทอัพทุกอย่าง นำความต่อเนื่องของระบบทีมให้กลับคืนมา
การก้าวขึ้นมารับงานกับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนในวัย 38 ปี กับทีมฟุตบอลในระดับไทยลีก 2 สิ่งที่ " เจ จักรกริช" กำลังจะเรียนรู้กับภารกิจ ที่จะเริ่มอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่เดือนกันยายน ก็คือ การรับมือกับความกดดัน เพราะทุกการตัดสินใจตลอด 90 นาที ที่มาจาก" มันสมอง" ของกุนซือหนุ่มรายนี้ มันคือ สิ่งที่จะสะท้อนออกมา หลังกรรมการในสนามเป่านกหวีด เมื่อครบ 90 นาที ในเกม ดังนั้น"อยู่หรือไป"ในแต่ละเกมของ ขอนแก่น เอฟซี จึงเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายใต้มันสมองของเขาโดยตรง
"ถึงตรงนี้แล้วสิ่งที่ผมให้ความมั่นใจได้ก็คือ ผมพร้อมที่จะทำงานหนัก และมันคือความพร้อมที่เกิดขึ้นทันที เมื่อสโมสรประกาศแต่งตั้งให้ผมเข้ามาทำหน้าที่ เรื่องความเครียดกับงาน ในหน้าที่ซึ่งต่างออกไปจากสตาฟโค้ช มาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน มันคือสิ่งที่จะเกิดขึ้น และต้องพร้อมรับมือกับมัน แต่ถ้าวันนี้เรามากังวล มากลัวกันอยู่ การทำงานก็คงไม่มีความสุข นาทีนี้แล้วผมย้ำและให้ความมั่นใจได้ว่า พร้อมแล้วกับภารกิจ อายุผมกับน้องๆในทีม ห่างกันไม่มาก ผมก็คือพี่ชาย แต่บทบาทจากนี้ไป "
"ผมคือหัวหน้าผู้ฝึกสอน ดังนั้นการทำงานในสนามคือสิ่งที่ผมจะขอจากทุกคน ให้ทุ่มเทใส่ใจกับมัน กับแฟนบอลขอนแก่น เอฟซี ขอให้วางใจ ในวันนี้ ผมรับหน้าที่แล้ว ผมจะทำทุกอย่างให้มันเกินไปจาก 100 % จะทุ่มเทกับงาน ในบทบาทที่สโมสรมอบให้ ผมตระหนักดีว่าทุกคนรอคอย อยากเห็นขอนแก่น เอฟซี กลับมา เราล้มลุกมาก็หลายครั้ง แต่ผมจะทำงานเพื่อพิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ความไว้วางใจ พิสูจน์ความเชื่อมั่น ผมพร้อมแล้วกับภารกิจ "
คำพูดทิ้งท้าย ของการประกาศสร้างความเชื่อมั่นต่อการนำพา "ขอนแก่น เอฟซี " ก้าวไปให้ใกล้ที่สุด ของหัวหน้าผู้ฝึกสอนวัย 38 ปี "เจ" จักรกริช บุญคำ