
หากพูดถึงหนึ่งในรุ่นยอดฮิตของ Rolex โดยเฉพาะในกลุ่มคนรักการดำน้ำ หลายคนคงนึกถึง คอลเลคชัน Sea-Dweller ที่ออกแบบมาเพื่อนักดำน้ำและการสำรวจทะลึก ที่ประกอบไปด้วยสองรุ่นหลัก คือ Rolex Sea-Dweller และ Rolex Deepsea ซึ่งทั้งสองรุ่นต่างก็มีคุณสมบัติทนทาน สามารถกันน้ำได้ลึกเป็นพันเมตร และมีดีไซน์ที่คล้ายคลึงกับ Submariner นาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของ Rolex ด้วยคุณสมบัติหลักและหน้าตาที่คล้ายคลึงกันนี้ ทำให้หลายคนมักเกิดความสับสน ลังเลว่าจะเลือกนาฬิกา Sea-Dweller สำหรับการดำน้ำเป็นรุ่นไหนดี ถึงจะเหมาะกับการใช้งานของตนเองมากที่สุด วันนี้เราจึงอยากพาทุกคนมาค้นหาความแตกต่างของห้วงเวลาใต้ท้องทะเลของ Rolex Deepsea กับ Rolex Sea Dweller ว่าจุดเด่นและข้อแตกต่างของแต่ละรุ่นคืออะไร พร้อมแนะนำ 3 รุ่นยอดฮิตของคอลเลคชัน Sea-Dweller มาให้ทุกคนได้สัมผัสถึงความงามกัน ตามไปดูได้เลย!
คอลเลคชัน Sea-Dweller ได้รับการพัฒนามาจาก Rolex Submariner นาฬิกาดำน้ำรุ่นแรกของ Rolex ที่กำเนิดขึ้นจากแนวคิดที่ว่า ต้องการนาฬิกาที่สามารถใส่ดำน้ำได้และมีความงดงาม แม้ Submariner จะสามารถกันน้ำได้ที่ระดับหลักร้อยเมตร แต่ก็ได้รับเสียงตอบรับจากกลุ่มคนรักการดำน้ำเป็นอย่างดี Rolex จึงอยากพัฒนาและออกแบบนาฬิกาสำหรับการดำน้ำที่มีคุณสมบัติทนทานขึ้น มีฟังก์ชันเพิ่มขึ้น แต่ยังคงความสวยงามตามแบบฉบับ Submariner เอาไว้ และในที่สุดคอลเลคชัน Sea-Dweller ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นมานั่นเอง เราไปดูกันดีกว่าว่าแต่ละรุ่นมีความเป็นมาอย่างไร
นาฬิการุ่น Rolex Sea Dweller รังสรรค์ขึ้นครั้งแรกในปี 1967 พัฒนาภายใต้ความร่วมมือของผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Compagnie Maritime d’Expertises โดยปัจจุบัน Rolex รุ่นนี้สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 1,220 เมตร ผ่านการออกแบบขึ้นเป็นพิเศษเพื่อการดำน้ำแบบอิ่มตัวใต้น้ำทะเลความดันสูง มีการติดตั้งวาล์วคายฮีเลียมที่ช่วยให้นาฬิกาสามารถทนต่อแรงดันน้ำที่เพิ่มสูงได้ ในขณะที่ยังสามารถทำงานได้ปกติหลังกลับสู่พื้นผิวน้ำ พร้อมทำทุกภารกิจสำรวจใต้น้ำลึกให้สำเร็จ และด้วยคุณสมบัติพื้นฐานของ Rolex Sea Dweller นาฬิการุ่นนี้จึงเหมาะกับทั้งการดำน้ำทั่วไปและการดำน้ำลึกนั่นเอง
นาฬิการุ่น Rolex Deepsea และ Oyster Perpetual Deepsea Challenge คือนาฬิกาสำหรับนักดำน้ำที่มีความทนทานเป็นพิเศษและเป็นสัญลักษณ์แห่งประวัติศาสตร์อันยาวนานระหว่าง Rolex และนักสำรวจใต้ทะเลลึก กำเนิดขึ้นหลังจากรุ่น Sea Dweller และได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง นาฬิการุ่น Rolex Deepsea เปิดตัวในปี 2008 สามารถกันน้ำได้ที่ความลึกถึง 3,900 เมตร มีการติดตั้งวาล์วคายฮีเลียมเช่นเดียวกัน ส่วน Deepsea Challenge รุ่นใหม่ล่าสุดที่เปิดตัวในปี 2022 สามารถกันน้ำได้ที่ความลึกถึง 11,000 เมตร ซึ่งเป็นระดับที่สูงมาก นาฬิการุ่นนี้จึงเหมาะกับการดำน้ำที่เป็นชาเลนจ์ดำน้ำลึกกว่าปกติ
แม้ว่า Rolex Sea Dweller กับ Rolex Deepsea จะได้รับแรงบันดาลใจหลักมาจาก Submariner แต่หากสังเกตดีๆ และรู้ถึงต้นกำเนิดของแต่ละรุ่นไป จะรู้ว่าจริงๆ แล้วทั้งสองรุ่นนี้มีความแตกต่างด้านการใช้งานและมีดีไซน์เฉพาะที่แฝงเอาไว้ด้วย เราได้รวม 3 รุ่นยอดฮิตของคอลเลคชัน Sea-Dweller
ทั้ง Rolex Sea Dweller และ Rolex Deepsea มาไว้ที่นี่แล้ว มาเจาะลึกคุณสมบัติและดีไซน์ของแต่ละรุ่นกัน จะได้ตัดสินใจถูกว่าจะเลือกรุ่นไหนให้ถูกใจและเหมาะสมกับการใช้งาน
มาเริ่มกันที่ Rolex Sea-Dweller 43 M126603-0001 เป็น Oyster ตัวเรือนขนาด 43 มม. ซึ่งเป็นขนาดที่ใหญ่กว่ารุ่น Rolex Submariner วัสดุทำมาจาก Oystersteel และทองคำ มีคุณสมบัติกันน้ำลึกถึง 1,220 เมตร มาพร้อมกับหน้าปัดสีดำสุดคลาสสิค ชื่อรุ่นสลัก Sea-Dweller เป็นสีเหลืองสะท้อนความงดงามของทองคำ ใครที่กังวลว่าเป็นสีดำแล้วจะอ่านเวลาได้ยากก็ไม่ต้องห่วง เพราะรุ่นนี้มีหน้าปัดโครมาไลท์ซึ่งเป็นนวัตกรรมที่ช่วยขยายขอบเขตของการมองเห็นในสิ่งแวดล้อมที่มืดได้ดี ใช้สีฟ้าที่เป็นเอกลักษณ์จะส่องสว่างได้นานกว่าวัสดุเรืองแสงมาตรฐานถึงสองเท่า โดดเด่นด้วยขอบเซรามิกและหน้าปัดเรืองแสง ขอบหน้าปัด Cerachrom สีดำที่ป้องกันรอยขีดข่วนได้สูง ผ่านกระบวนการ PVD ด้วยทองคำบางๆ ขอบนาฬิกาจะแสดงเวลา 60 นาทีแบบหมุนได้ทิศทางเดียวทำให้นักดำน้ำสามารถควบคุมเวลาและหยุดปรับแรงดันระหว่างดำน้ำได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย เรียกได้ว่าดีไซน์มาอย่างงดงามคลาสสิคเข้ากับชุดดำน้ำและฟังก์ชันการใช้งานดำน้ำแน่นสุดๆ
อีกรุ่นยอดนิยมกับรุ่น Rolex Sea-Dweller 43 M126600-0002 เป็น Oyster ตัวเรือนขนาด 43 มม. คล้ายคลึงกับรุ่น M126600-0002 ที่กันน้ำได้ในลึกถึง 1,220 เมตร แต่รุ่นนี้ทำมาจาก Oystersteel เพียงอย่างเดียว เหมาะกับคนที่ชอบความเรียบหรู ต้องการคุมโทน All Black ให้มากที่สุด เพราะจะไม่ถูกตัดด้วยสีอื่นๆ ทับมากนัก มีหน้าปัดเป็นสีดำคลาสสิค ส่วนชื่อรุ่นจะสลักเป็นสีแดง เพื่อเป็นการรำลึกถึงนาฬิการุ่นแรก มีหน้าปัดโครมาไลท์และการใช้แสงสีฟ้าช่วยในการมองเห็นในที่มืด ขอบนาฬิกาจะแสดงเวลา 60 นาทีแบบหมุนได้ทิศทางเดียวทำให้นักดำน้ำสามารถควบคุมเวลาและหยุดปรับแรงดันระหว่างดำน้ำได้อย่างถูกต้องและปลอดภัย
ในส่วนของรุ่น Rolex Deepsea ขอแนะนำรุ่น Deepsea 44 M136660-0003 ซึ่งเป็นรุ่นใหม่ล่าสุด เป็น Oyster ตัวเรือนขนาด 44 มม. มีหน้าปัดใหญ่กว่ารุ่น Rolex Submariner ทำมาจาก Oystersteel ตามชื่อของ Deepsea จึงมีคุณสมบัติกันน้ำลึกถึง 3,900 เมตร โดดเด่นด้วยหน้าปัด D-BLUE ที่มีความหมายแฝงอยู่ เป็นการรำลึกประวัติการณ์การดำดิ่งสู่มหาสมุทรของ James Cameron หน้าปัดจะไล่เป็น 2 เฉดสี จากหน้าปัดสีฟ้าเข้มไปถึงดำสนิท ขอบนาฬิกาสามารถหมุนได้แบบทิศทางเดียวทำให้นักดำน้ำสามารถควบคุมเวลาและปรับแรงดันได้ถนัดและปลอดภัย โดดเด่นด้วยขอบเซรามิกและหน้าปัดเรืองแสง เหมือนกับ Sea-Dweller ที่ทำให้การมองเห็นใต้น้ำชัดมากขึ้น
เป็นอย่างไรกันบ้างกับความแตกต่างของ Rolex Sea Dweller กับ Rolex Deepsea ที่เรานำมาฝากทุกคน ทั้งสองรุ่นมีความงดงามตามแบบฉบับของตนเอง และถูกรังสรรค์ขึ้นมาเพื่อการดำน้ำลึกที่ต่างกัน Rolex Sea Dweller เหมาะกับการใช้งานทั้งการดำน้ำทั่วไปและการดำน้ำลึกอยู่ในระดับที่ 1,220 เมตร ดีไซน์มีความเรียบหรู คลาสสิค ส่วน Rolex Deepsea เหมาะกับการดำน้ำที่เป็นชาเลนจ์ หรือการดำน้ำลึกที่มากกว่าปกติ เพราะสามารถดำลึกได้สูงสุดถึง 3,900 เมตร ตัวดีไซน์มีความพิเศษเพราะมีการนำสตอรี่อย่าง James Cameron มารังสรรค์ด้วย
ส่วนสายรักการดำน้ำคนไหนกำลังมองหานาฬิกาคู่ใจไว้ไปท่องโลกกว้างใต้มหาสมุทร ทั้งยังสามารถใส่ได้ในชีวิตประจำวันให้ลุคหรูหราล่ะก็ เราขอแนะนำเป็นรุ่น Rolex Sea Dweller ด้วยหน้าปัดสีดำสุดคลาสสิคเข้ากับชุดดำน้ำ แถมยังแมตช์กับชุดอื่นๆ ได้ง่ายด้วย ระยะดำน้ำลึกก็กำลังดี ไม่ว่าจะเพิ่งเริ่มต้นหัดดำน้ำหรือเชี่ยวชาญอยากลงน้ำลึกเป็นพันเมตรก็ได้หมดเลย สำหรับใครที่ถูกใจอยากเป็นเจ้าของนาฬิกา Rolex Sea Dweller ที่ Pendulum ตัวแทนจำหน่ายโรเล็กซ์อย่างเป็นทางการในประเทศไทย มี Sea Dweller รุ่นยอดฮิตให้คุณได้จับจอง โดยสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์ https://pendulum.co.th หรือเลือกซื้อผ่านเพนดูลัม โรเล็กซ์ บูติก ได้ทุกสาขา พนักงานพร้อมให้คำปรึกษาและบริการทุกขั้นตอน รับประกันคุณภาพและความประทับใจแน่นอน