
Intra-Uterine Insemination หรือ การทํา IUI คือ การฉีดอสุจิตัวที่คัดเลือกแล้วว่าแข็งแรง เข้าโพรงมดลูกด้วยท่อพลาสติกเล็ก ๆ โดยเวลาทำ IUI นั้นต้องฉีดช่วงที่ฝ่ายหญิงตกไข่ เพื่อให้อสุจิผสมกับไข่ง่ายขึ้นทำให้มีโอกาสตั้งครรภ์มากขึ้น จากที่มีโอกาสตั้งครรภ์ตามธรรมชาติ 3-4 % ต่อครั้ง ถ้าทำ IUI โอกาสสําเร็จจะมากกว่าประมาณ 3 เท่า ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ด้วย เช่น คุณภาพอสุจิ, จำนวนฟองไข่, ช่วงที่ทำ IUI กินยาที่มีผลกระทบกับร่างกายหรือไม่ เพราะงั้นจึงต้องใช้คำว่า “เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์” ไม่ใช่ “ทำให้ตั้งครรภ์”
อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ IUI คลิก
IUI คือวิธีการทางการแพทย์วิธีหนึ่งเพราะงั้นจึงมีทั้งผู้ที่เหมาะและไม่เหมาะกับการทำ IUI แต่จะมีใครเหมาะใครไม่เหมาะบ้างไปดูกัน
ทำ IUI เหมาะกับ
1.คู่รักที่ไม่สามารถมีลูกเองได้ หรือ อยากมีลูกทันทีแบบไม่ต้องรอนาน
2.ผู้หญิงที่มีลูกยาก ไม่ว่าจะเพราะมีปัญหาที่โพรงมดลูกหรือช่องคลอด
3.ผู้หญิงที่ไข่ตกน้อย
4.ผู้ชายที่เชื้ออสุจิไม่แข็งแรง
ทำ IUI ไม่เหมาะกับ
1.ผู้ชายที่ผลิตอสุจิไม่ได้ (เป็นหมัน)
2.ผู้หญิงที่เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่
3.ผู้หญิงที่ตัด หรือ ผูก ท่อนำรังไข่ทั้ง 2 ข้าง และ มีโรคเกี่ยวกับท่อนำรังไข่
4.ผู้หญิงที่ติดเชื้อในอุ้งกระดูกเชิงกราน
ก่อนทำ IUI ควรปรึกษาแพทย์ก่อน เพื่อเช็คดูว่าคู่รักเหมาะกับการทำ IUI หรือไม่ ถ้าแพทย์รับรองความปลอดภัยแล้ว ควรปฏิบัติดังนี้
สำหรับทั้งคู่ ควรทานอาหารโปรตีนสูงและผักผลไม้ ลดไขมัน แป้ง และงดอาหารแปรรูป ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ทานวิตามินหรืออาหารเสริมตามที่แพทย์แนะนำ และที่สำคัญฝ่ายชายต้องงดการมีเพศสัมพันธ์หรือหลั่งน้ำอสุจิอย่างน้อย 3 – 7 วัน
สำหรับฝ่ายหญิงแพทย์จะติดตามรอบการตกไข่ เพื่อทำ IUI ให้ตรงกับวันไข่ตก หรือทำการอัลตราซาวนด์ ติดตามการเติบโตของไข่ ถ้าไข่โตเต็มที่แพทย์จะให้ยากระตุ้นรังไข่ จากนั้นแพทย์จะกำหนดวันทำ IUI อาจนัดภายใน 1-2 วันหลังจากพบการตกไข่แล้ว
การทำ IUI ใช้เวลาไม่นานก็เสร็จกระบวนการ ที่สำคัญไม่ต้องใช้ยาระงับความรู้สึก (ยาชา) อีกด้วย โดยขั้นตอนทั้งหมดมีดังนี้
หลังจากที่เตรียมตัวก่อนการทำ IUI เรียบร้อยแล้ว แพทย์จะเก็บน้ำเชื้ออสุจิของฝ่ายชายในวันที่นัดฉีด โดยแพทย์จะนำอสุจิไปแยกเชื้ออสุจิออกจากน้ำ ให้เหลือแค่ตัวเชื้ออสุจิล้วน ๆ
แพทย์จะให้ฝ่ายหญิงนั่งบนขาหยั่ง สอดเครื่องมือถ่างช่องคลอดเพื่อถ่างช่องคลอดให้กว้างเพื่อให้แพทย์สามารถสอดเครื่องเข้าไปได้
โดยแพทย์จะสอดเครื่องมือซึ่งเป็นสายเล็ก ๆ ที่บรรจุอสุจิที่คัดเลือกมาแล้วเข้าไปในช่องคลอด เมื่อถึงมดลูกจึงจะปล่อยอสุจิเข้าไปใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาที
เมื่อปล่อยอสุจิเสร็จแพทย์ก็จะค้างสายเล็ก ๆ นั้นไว้สักพักเพื่อให้อสุจิเดินทางออกไปหมด จากนั้นก็จะนำสายออก, ถอดเครื่องถ่าง และให้คนไข้นอนพักสักระยะหนึ่งก่อนจะจบกระบวนการ
หลังทำ IUI ฝ่ายหญิงควรนอนบนเตียงต่อประมาณ 30 นาที เพื่อให้อสุจิเดินทางไปถึงไข่ได้สะดวกขึ้น ส่วนหลังจากนั้นแพทย์มักแนะนำให้มีเพศสัมพันธ์กับฝ่ายชายในอีก 1-2 วัน เพื่อให้มีเชื้ออสุจิเข้าไปเยอะขึ้น งดกิจกรรมที่ใช้แรง 2-3 วัน และใครที่หลัง IUI ท้องอืดมาก ควรทานไข่ขาววันละ 8 ฟอง เพื่อลดอาการท้องอืดท้องบวม
แพคเกจ IUI ราคาอยู่ที่ประมาณ 10,000 - 40,000 ต่อครั้ง ขึ้นอยู่กับแต่ละคลินิกหรือโรงพยาบาล โดยแต่ละราคาจะได้บริการที่มากน้อยต่างกันไป เช่นค่ายากระตุ้นไข่, ยาฉีดเร่งไข่สุก, ค่าอุปกรณ์ค่า Ultrasound, ค่าเก็บ เตรียมและฉีดเชื้ออสุจิ
ต่อไปนี้คือคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ IUI
IUI เป็นแค่เพียงการทำให้ อสุจิกับไข่ผสมกันง่ายขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเลือกไข่หรือเลือกตัวอสุจิ เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถเลือกเพศให้กับทารกได้
โอกาสตั้งครรภ์สําเร็จหลังทำ IUI จะอยู่ที่ 5-15 % ต่อครั้ง ความเป็นไปได้มากน้อยจะขึ้นกับปัจจัยต่าง ๆ เช่นความแข็งแรงของอสุจิ และความสมบูรณ์ของไข่ และยิ่งถ้าฝ่ายหญิงมีอายุมากกว่า 40 ไปแล้วก็ยิ่งมีโอกาสน้อยลงอีก อาจเหลือเพียง 3-5 % ต่อครั้งเท่านั้น
หลัง IUI 14 วัน ก็สามารถทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยตัวเองได้เลยผ่านทางชุดทดสอบการตั้งครรภ์ ที่หาซื้อตามร้านขายยาทั่วไปได้ หรือจะรอแพทย์นัดตรวจเลือดเพื่อยืนยันการตั้งครรภ์ก็ได้เช่นกัน
การทำ IUI นั้นถึงแม้จะมีโอกาสตั้งครรภ์มากกว่าการตั้งครรภ์แบบธรรมชาติได้ก็จริง แต่ต้องย้ำว่า มันเป็นเพียงการ “เพิ่มโอกาสตั้งครรภ์” ถ้าหากท่านไหนหรือคู่ใดสนใจจะทำ IUI ควรปรึกษาแพทย์ให้ดีและเลือกโรงพยาบาลหรือคลินิกที่เชี่ยวชาญการทำ IUI จริง ๆ เพื่อความปลอดภัยของผู้ทำและลูกน้อยที่กำลังจะเกิดมา