
ทะเลหมอกบ้านกลอโค๊ะ อยู่ไม่ไกลจากบ้านกลอโค๊ะ อำเภอสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หมู่บ้านขนาดเล็กมีประชากรอยู่ราว 300 คน ซ่อนตัวอยู่กลางหุบเขาที่ราบรอบด้วยทิวเขาสูงตระหง่าน การเดินทางมาบ้านกลอโค๊ะจากอำเภอแม่สะเรียง ใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 105 แล้วเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางหลวงชนบท แม่ฮ่องสอน 3004 มุ่งหน้าสู่บ้านเลโค๊ะ
จากบ้านเลโค๊ะเดินทางต่อโดยใช้เส้นทางสัญจรของชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นทางดินลูกรัง มีความแคบ และสูงชันเป็นระยะ ระยะทางจากบ้านเลโค๊ะถึงบ้านกลอโค๊ะประมาณ 7 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง
จุดชมทะเลหมอกบ้านกลอโค๊ะอยู่ห่างออกมาจากตัวหมู่บ้านอีกประมาณ 2 กิโลเมตร ความสวยงามของทะเลหมอกที่นี่ต้องบอกเลยว่าไม่แพ้ที่อื่น เพราะสามารถเห็นทะเลหมอกขาว ๆ ลอยแทบจะระดับสายตาได้เกือบทุกวัน โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน - ธันวาคม ที่มีหมอกหนาแน่น และมีความสวยงามกว่าในฤดูอื่น ๆ
แต่ที่ชนะเลิศคือความเป็นส่วนตัวแบบสุด ๆ เหมาะสำหรับนักเดินทางที่ต้องการพักผ่อนจากความวุ่นวายแบบจริงจัง เพราะการเดินทางมาที่นี่ต้องใช้ความพยายามสักหน่อย จากถนนทางลูกรังที่เป็นหลุมเป็นบ่อในบางช่วง มีความชันค่อนข้างลื่น ยิ่งช่วงหน้าฝนที่แทบจะถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเลยทีเดียว ที่นี่เลยถือว่าเป็นทะเลหมอกที่ลึก แต่ไม่ลับที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย แต่มีนักท่องเที่ยวไม่กี่คนเท่านั้นที่จะเคยมาสัมผัสของจริง
สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะมาทะเลหมอกกลอโค๊ะแนะนำว่าควรเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวก และอุปกรณ์เครื่องนอนเพิ่มเติมไปให้พร้อม เพราะแม้ว่าจะมีจุดกางเต็นท์ให้บริการ แต่ในเวลากลางคืนอากาศค่อนข้างหนาว และมีลมแรง อุปกรณ์กันหนาวที่จัดเตรียมไว้อาจไม่เพียงพอ ซึ่งพาหนะในการเดินทางมาที่นี่ควรใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือมอเตอร์ไซค์แบบวิบากเท่านั้น
พ่อหลวงชาญชัย บำรุงรัตนตรัย ผู้ใหญ่บ้านกลอโค๊ะ ได้เล่าให้ฟังว่าทะเลหมอกบ้านกลอโค๊ะสามารถเห็นได้ในช่วงเช้าของทุกวัน และมีความสวยงามไม่แพ้ทะเลหมอกอื่น ๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่ที่ผ่านมายังมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมทะเลหมอกบ้านกลอโค๊ะค่อนข้างน้อย สาเหตุหนึ่งเพราะการเดินทางที่ค่อนข้างยากลำบาก และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่ได้รับการประชาสัมพันธ์เท่าที่ควร
นอกจากทะเลหมอกบ้านกลอโค๊ะที่เป็นจุดหมายที่ห้ามพลาดแล้ว ระหว่างเส้นทางมาถึงบ้านกลอโค๊ะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกมาก ไม่ว่าจะเป็นแวะหมู่บ้านเลโค๊ะเพื่อชิมกาแฟหอม ๆ จากไร่กาแฟของที่นี่ซึ่งมีสภาพภูมิอากาศ และระดับความสูงที่พอเหมาะ จนได้ชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกกาแฟพื้นเมืองที่มีเอกลักษณ์แหล่งหนึ่งในประเทศ หรือการปีนขึ้นไปชมวิวแบบพาโนรามาบนดอยผาตั้งบ้านเลโค๊ะของคนที่ไม่กลัวความสูง ไปจนถึงพักแช่น้ำเย็นที่น้ำตกกลอโค๊ะ ภายในวนอุทยานน้ำตกกลอโค๊ะที่มีน้ำใสไหลตลอดทั้งปี
พ่อหลวงชาญชัยบอกด้วยว่า แม้ว่าพื้นที่แถวนี้จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ แต่ด้วยการเข้าถึงที่ยากลำบากทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากไม่ค่อยเลือกเดินทางมาที่นี่ เส้นทางที่เป็นอุปสรรคนี้นอกจากจะเป็นสาเหตุทำให้การท่องเที่ยวของหมู่บ้านกลอโค๊ะไม่พัฒนาเท่าที่ควร แต่ชาวบ้านในพื้นที่เองก็ได้รับผลกระทบ เนื่องจากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปทำธุระ โดยเฉพาะชาวบ้านที่เจ็บป่วยต้องไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลสบเมย หลายครั้งที่ชาวบ้านทนพิษไข้ไม่ไหวจนเสียชีวิตระหว่างการเดินทางเลยก็มี
“เส้นทางเข้าออกหมู่บ้านเราลำบากมาก ถึงไม่ได้ไกลจากถนนหลัก แต่ต้องใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมง ถ้ามีการพัฒนาถนนที่ดีขึ้น คนในหมู่บ้านก็จะเดินทางได้สะดวกขึ้น”
ล่าสุด ถนนเข้าสู่หมู่บ้านกลอโค๊ะกำลังได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น เพราะบริเวณนี้เป็นพื้นที่ก่อสร้างเขื่อนน้ำยวม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการผันน้ำยวม ทำให้มีการก่อสร้างถนนกว้างกว่า 6 เมตร เข้าสู่ตัวเขื่อนน้ำยวม เพื่อใช้ขนส่งอุปกรณ์ในการก่อสร้าง โดยจะมีการปรับปรุงถนนเดิมระยะทางกว่า 35 กิโลเมตร และก่อสร้างถนนใหม่เพิ่มอีกเกือบ 2 กิโลเมตร
คาดว่าเมื่อเสร็จจะทำให้สามารถเดินทางเข้าหมู่บ้านกลอโค๊ะในทุกฤดูได้อย่างสะดวกรวดเร็วกว่าเดิม ช่วยให้ชาวบ้านมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเยี่ยมชมความสวยงามของทะเลหมอกกลอโค๊ะได้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้การก่อสร้างเขื่อนแม่น้ำยวม เพื่อให้ระดับน้ำของแม่น้ำยวมเหนือเขื่อนเพิ่มสูงขึ้นจนเพียงพอต่อการสูบน้ำขึ้นไปยังอุโมงค์ส่งน้ำของโครงการผันน้ำยวม ยังทำให้พื้นที่นี้มีสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ ทั้งการเที่ยวชมความสวยงามของสันเขื่อนแม่น้ำยวมความสูงกว่า 69 เมตร และอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีน้ำเต็มตลอดทั้งปีอีกด้วย
ขอบคุณภาพจาก เพจ บ้านกลอโค๊ะ หมู่ 12 อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน