วิธีเตรียมตัวและขับรถหน้าฝนให้ปลอดภัย

 

ฝนตกรถติดคือของคู่กันที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ด้วยทัศนวิสัยในการขับขี่ที่มองเห็นทางได้ไม่ชัดเจน แถมยังมีอันตรายจากพื้นถนนที่เปียกลื่นจากน้ำขัง ทำให้ผู้ขับขี่ทั้งรถยนต์และมอเตอร์ไซต์ไม่ปลื้มกับช่วงฤดูฝนเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าเรื่องฟ้าฝนเป็นอะไรที่หลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะการเดินทางไปทำงาน แต่การเตรียมความพร้อมเพื่อขับรถหน้าฝนคือสิ่งที่คุณจัดการได้ด้วยตัวเองตั้งแต่ก่อนออกจากบ้าน

 

8 ทริคเตรียมขับรถหน้าฝนอย่างปลอดภัย

 

เพื่อให้คุณสามารถขับรถหน้าฝนได้อย่างปลอดภัยที่สุด วันนี้ EZY FIT ขอแนะนำกับวิธีเตรียมรถยนต์ตั้งแต่การตรวจเช็กระบบพื้นฐานต่าง ๆ รวมไปถึงเทคนิคการขับรถในขณะที่ฝนตกหนัก ต้องทำยังไงมีอะไรบ้างที่ไม่ควรมองข้าม ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย

 

1. เช็กสภาพรถยนต์เบื้องต้นเป็นประจำ

 

อันดับแรกสุดคือเริ่มต้นจากรถยนต์ของคุณเอง ด้วยการเช็กระบบการทำงานส่วนต่าง ๆ เบื้องต้นไปตั้งแต่ระบบไฟส่องสว่าง สัญญาณไฟ แบตเตอรี่ ของเหลวต่าง ๆ รวมไปถึงสัญลักษณ์ที่ขึ้นเตือนบนหน้าปัดด้วยเช่นกัน การเช็กสภาพรถเบื้องต้นจะช่วยให้คุณรับมือกับอาการเสียต่าง ๆ ได้ทันเวลา เพราะถ้าหากมีส่วนใดเสียในระหว่างขับขี่อาจทำให้เกิดอันตรายต่อตัวคุณเองและเพื่อนร่วมทางได้

 

2. เช็กดอกยางทั้ง 4 ล้อ

เรื่องยางถือว่าสำคัญไม่แพ้กับ เพราะเป็นส่วนแรกที่สัมผัสกับพื้นถนนโดยตรง ซึ่งคุณสมบัติของยางรถยนต์ที่ดีจะต้องยืดเกาะถนนได้ดีและรีดน้ำออกได้เมื่อเจอสภาพถนนที่เปียกลื่น แต่หลักสำคัญที่ทำให้ยางมี

ประสิทธิภาพการใช้งานที่ดีตามวัตถุประสงค์เลยก็คือ “ดอกยาง” ถ้าหากก้มดูแล้วดอกโล้น มีรอยแตกลายงา หรือถ้าอายุเกิน 3 ปี ก็ถึงเวลาที่คุณต้องเปลี่ยนยางใหม่แบบยกชุด เพื่อความปลอดภัยในระหว่างขับขี่

 

3. เปิดไฟส่องสว่างทุกครั้งที่ฝนตก

ด้วยทัศนวิสัยที่ไม่ปกติทำให้ผู้ขับขี่อาจสังเกตรถยนต์คันอื่นได้ยากมากขึ้น ดังนั้นการเปิดไฟส่องสว่างให้ครบทั้งไฟส่องสว่างคู่หน้าและคู่หลังคือตัวช่วยสำคัญที่ทำให้เพื่อนร่วมทางสังเกตรถของคุณได้ง่ายขึ้น ส่วนใครที่มีคำถามว่าถ้าตกหนักมาก ๆ ต้องเปิดไฟฉุกเฉินมั้ย คำตอบคือไม่ควรเปิดเพราะทำให้เพื่อร่วมทางเกิดความสับสนจนอาจเกิดอันตรายมากกว่าปลอดภัย ดังนั้นเปิดแค่ไฟส่องสว่างเพียงพอแล้ว

 

4. ลดความเร็วในการขับรถ

ควรขับรถให้ช้าลงกว่าปกติโดยเฉพาะในช่วง 5-10 นาทีแรกที่ฝนเริ่มตกลงมา เพราะเป็นช่วงที่ถนนลื่นมากกว่าปกติ อีกทั้งยังมีการเซาะคราบฝุ่นและขี้ดินที่ติดอยู่ตามร่องถนนออกมา เป็นเหตุให้ถนนลื่นมากขึ้นไปอีก ดังนั้นควรประคองความเร็วในระดับ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมงถือว่ากำลังดี และต้องเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากขึ้นประมาณ 10-15 เมตร เพื่อเว้นระยะเบรกได้ทันเวลา

 

5. เปิดที่ปัดน้ำฝนทันทีเมื่อฝนเริ่มลงหนัก

ที่ปัดน้ำฝนคืออุปกรณ์สำคัญที่ถูกคิดค้นมาเพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นทางข้างหน้าได้ดีขึ้น ควรเปิดความเร็วของใบปัดให้สัมพันธ์กับความแรงของฝนที่ลงมาจะทำให้ทัศนวิสัยดีขึ้น สิ่งที่ผู้ใช้รถต้องสังเกตให้ดีก็คือความประสิทธิภาพของยางที่ปัดน้ำฝน หากใช้แล้วรู้สึกฝืด ๆ มีเสียงเอี๊ยด ๆ ดังกว่าปกติ ให้เปลี่ยนยางปัดน้ำฝนชุดใหม่ทันทีไม่ต้องรอให้ฝืดไปมากกว่าเดิม

 

6. จับพวงมาลัยสองมือในขณะขับ

การบังคับรถคือหลักสำคัญที่จะทำให้คุณปลอดภัย เพราะในสภาพถนนที่เปียกลื่นคือปัจจัยสำคัญที่ก่อให้เกิดอันตรายได้ตลอดเวลา ดังนั้นผู้ขับขี่ควรบังคับพวงมาลัยด้วย 2 มือเพื่อเพิ่มความมั่นใจในการบังคับทิศทาง เมื่อเกิดเหตุไม่คาดคิดการจับพวงมาลัย 2 มือสามารถบังคับตัวรถได้ดีกว่ามือเดียวอย่างแน่นอน มากไปกว่านั้นควรเลี้ยงเบรกในน้ำหนักที่

 

7. ปิดแอร์เมื่อต้องขับรถลุยน้ำท่วม

เมื่อเจอน้ำท่วมขังที่สูงในระดับครึ่งล้อรถและมีสัญลักษณ์รูปแบตเตอรี่ขึ้นเตือนบนหน้าปัด ขอแนะนำให้ปิดแอร์และใช้เกียร์ต่ำอย่างเกียร์ L หรือเกียร์ 1 สำหรับรถเกียร์กระปุก เพื่อป้องกันไม่ให้รอบเครื่องยนต์ต่ำเกินไป อาจทำให้น้ำไหลย้อนเข้าท่อไอเสียส่งผลให้เครื่องยนต์ดับจนขับต่อไม่ได้ อีกสิ่งที่อยากแนะนำหลังจากลุยน้ำท่วมมาแล้ว ให้นำรถไปเช็กระบบไฟและไดสตาร์ตเพราะน้ำเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดสนิมเกาะภายในตัวไดสตาร์ต ทำให้รถสตาร์ตไม่ติด โดยอาการนี้จะเห็นผลหลังจากลุยน้ำมาแล้วอย่างต่ำ 3-7 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ในระหว่างที่ใช้รถนอกบ้าน

 

8. หาที่จอดพักรถถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย

สุดท้ายเมื่อคุณเจอสถานการณ์ฝนตกแบบพายุโหมกระหน่ำจนมองข้างทางข้างหน้าไม่เห็น หรือขับไปเจอน้ำที่เริ่มท่วมขัง ถ้าเป็นไปได้ EZY FIT ขอแนะนำให้คุณมองหาจุดแวะพักรถก่อนอย่างปั๊มน้ำมันขนาดใหญ่ และห้างสรรพสินค้าที่มีที่จอดรถเยอะแล้วรอเวลาให้สถานการณ์คลี่คลายลง เพราะการขับรถลุยในทัศนวิสัยที่แย่มาก ๆ เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทุกรูปแบบ ดังนั้นถ้าไม่ไหวจอดพักรถก่อนดีกว่า

 

 

สรุปเกี่ยวกับเทคนิคการขับรถหน้าฝน

 

ในช่วงหน้าฝนถือเป็นฤดูกาลที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติบนท้องถนนมากกว่าฤดูอื่น ๆ ด้วยสภาพถนนที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการสัญจรบวกกับวิสัยทัศน์ในการขับขี่ที่ไม่ค่อยดี ทำให้การขับรถหน้าฝนต้องมีความรอบคอบและระมัดระวังตัวเองเป็นพิเศษ ต้องหมั่นตรวจเช็กสภาพรถยนต์เบื้องต้นเป็นประจำและที่สำคัญยางทั้ง 4 เส้นต้องพร้อมลุยอยู่เสมอ ใครที่กำลังมองหาโปรโมชั่นเปลี่ยนยางรถยนต์ราคาพิเศษ EZY FIT พร้อมให้คุณเลือกได้กับยางรถยนต์แบรนด์ชั้นนำทุกประเภท ทั้งยางสปอร์ต ยางนุ่มเงียบ ยางประหยัดน้ำมัน และยางรถยนต์สำหรับสายลุย ไม่ต้องออกมาหาอู่ให้เสียเวลาเพราะ EZY FIT มีบริการ Mobile Onsite Service ยกทั้งอู่ไปหาคุณถึงที่ ฟรีค่าบริการถึงบ้านในพื้นที่ที่กำหนด ก่อนหมดฝนนี้เรียกพวกเราได้เลย!