จับจ้อง “จ้าวเหว่ย” สแกมเมอร์แตกรัง “เคเคปาร์ค” กังขาคิงส์โรมันไร้จีนเทา

ส่องมังกรน้ำโขง จ้าวเหว่ย ในกระแสข่าวจีนเทา-สแกมเมอร์เคเคปาร์ค ทะลักเข้าไทย คาดปลายทางสามเหลี่ยมทองคำ

 

2 ปีที่แล้ว ปักกิ่งจับมือลาว ปฏิบัติการจ้าวเหว่ยโมเดล กวาดล้างสแกมเมอร์ ตีโต้วอชิงตันที่ชี้เป้าแก๊งจีนเทาคิงส์โรมัน 

 

หลายคืนมาแล้วที่คนไทยใน อ.แม่สอด จ.ตาก รู้สึกประหลาดใจกับเสียงระเบิดที่กึกก้องจากเมืองใหม่เคเคปาร์ค ฝั่งเมืองเมียวดี ประหนึ่งมหกรรมพลุไฟของกองทัพเมียนมา และกองกำลังกะเหรี่ยง BGF

ล่าสุด วันที่ 26 ต.ค.2568 มีสแกมเมอร์ 28 ชาติ จำนวน 1,243 คน หนีทหารพม่าข้ามน้ำเมยมายังฝั่งไทย นัยว่า มีชาวจีนระดับหัวหน้าแก๊ง ลักลอบข้ามแดนทางช่องทางธรรมชาติ ด้าน อ.แม่ระมาด มีเป้าหมายจะเดินทางไปยังคิงส์โรมัน ตรงข้ามกับ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย

 

เบื้องต้นยังเพียงรายงานข่าวจากแหล่งข่าวชายแดนไทย-เมียนมา และเมื่อเอ่ยชื่อ “คิงส์โรมัน” หลายคนย่อมนึกถึง “จ้าว เหว่ย” ประธานสภาบริหารเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ

 

ปลายปี 2565 ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ออกมาเปิดโปงว่า จ้าว เหว่ย มีความเชื่อมโยงกับตู้ ห่าว ขาใหญ่จีนเทา ซึ่งมีข้อมูลเรื่องบริษัทดอกงิ้วคำเข้าไปลงทุนในเมืองใหม่เคเคปาร์ค

 

ครั้งนั้น จ้าว เหว่ย ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวตอบโต้ชูวิทย์อย่างเผ็ดร้อน พร้อมยืนยันว่า บริษัทดอกงิ้วคำไม่เคยเข้าไปลงทุนในเคเคปาร์คแต่อย่างใด

 

ผู้ร้ายในสายตาตะวันตก

 

จริงๆแล้ว “จ้าว เหว่ย” และอาณาจักรคิงส์โรมัน ตกเป็นเป้าหมายของชาติตะวันตกมานานแล้ว

 

ปี 2566 สหราชอาณาจักร แคนาดา และสหรัฐอเมริกา ร่วมกันแถลงคว่ำบาตรผู้เกี่ยวข้องกับเมืองใหม่ทุนจีนรอบชายแดนไทย โดยพบชื่อ จ้าว เหว่ย รวมถึง เฉอ เจ้อเจียง และซอ ชิตตู่

 

ในแถลงการณ์ของ 3 ประเทศมหาอำนาจ อ้างรายงานสหประชาชาติที่ระบุว่า บุคคลดังกล่าวข้างต้นเกี่ยวข้องกับการบังคับใช้แรงงานและการค้ามนุษย์ข้ามชาติ ผ่านการหลอกลวงออนไลน์

 

ไม่ใช่ครั้งแรก ที่จ้าว เหว่ย โดนคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก แต่ผู้สร้างอาณาจักรสามเหลี่ยมทองคำ ก็ปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งเรื่องการค้ามนุษย์และยาเสพติด 

 

ปีที่แล้ว “ปักกิ่ง” เอาจริงในการกวาดล้างแก๊งคอลเซ็นเตอร์ภายในเมืองใหม่ จ.เมียวดี ทางฝั่ง สปป.ลาว ก็มี “จ้าวเหว่ยโมเดล” จัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์เช่นกัน

 

รัฐบาลจีนได้ส่งตำรวจมาร่วมมือกับตำรวจลาว เปิดปฏิบัติการกวาดล้างอาชญากรรมฉ้อโกงผ่านระบบโทรคมนาคมในเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ

 

ต้นปี 2568 กระทรวงป้องกันความสงบ(ตำรวจ) รัฐบาลลาว จึงสรุปว่า ไม่มีแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในสามเหลี่ยมทองคำแล้ว

 

“จ้าวเหว่ยโมเดล” ต่างจาก “เล้าก์ก่ายโมเดล” เนื่องจากจ้าวเหว่ย มีรัฐบาล สปป.ลาว การันตีความบริสุทธิ์ผุดผ่อง และ “ปักกิ่ง” ดูเหมือนจะมีความเอื้ออาทรต่อประมุขสามเหลี่ยมทองคำ

 

ด้วยเหตุนี้ ผู้เชี่ยวชาญลุ่มแม่น้ำโขงได้ตั้งข้อสังเกตว่า ด้านหนึ่งของ “จีนเทา” อาจเป็นอาวุธลับของ “ปักกิ่ง” ในการถ่วงดุลมหาอำนาจตะวันตก ส่งผลให้แก๊งสแกมเมอร์หรือคอลเซ็นเตอร์ไม่มีวันตาย

 

 

ปริศนาจีนเทาอาวุธลับปักกิ่ง

 

20 กว่าปีที่แล้ว จ้าว เหว่ย เปิดกาสิโนอยู่เมืองลา เขตปกครองพิเศษชนชาติไต รัฐฉาน เมียนมา โดยการสนับสนุนของจาย ลืน ผู้นำกองกำลังเมืองลา

 

ต่อมา รัฐบาลยูนนาน เข้มงวดการเข้า-ออกด่านพรมแดนจีน-เมียนมา เพื่อกวาดล้างแก๊งอาชญากรรม กาสิโนของจ้าว เหว่ย ต้องปิดตัวลง

 

ปี 2550 จ้าว เหว่ย โผล่ที่สปป.ลาว และได้รับสัมปทานโครงการเขตเศรษฐกิจเฉพาะสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว 

 

จ้าว เหว่ย เป็นนักธุรกิจชาวจีนที่ผู้นำพรรคและรัฐ แห่ง สปป.ลาว ให้การยอมรับ และ “สามเหลี่ยมทองคำ” ถือเป็นต้นแบบของเขตเศรษฐกิจพิเศษ

 

ในบรรดาผู้นำลาว จ้าว เหว่ย สนิทสนมกับท่านสมสะหวาด เล้งสะหวัด อดีตรองนายกฯ มากที่สุด ถึงขั้นเป็นเสี่ยวฮักสหายแพง

 

สมสะหวาด พูดภาษาจีนได้คล่อง เพราะมีเชื้อสายจีน ซึ่งมีบ้านเกิดอยู่ที่เมืองเหวินซาง มณฑลไห่หนาน(ไหหลำ) บรรพบุรุษอพยพมาทำมาค้าขายอยู่ที่เมืองหลวงพระบาง สมัยฝรั่งเศสปกครองลาว

 

สมัยที่สมสะหวาด เป็นรองนายกฯ ได้ผลักดันรัฐบาลลาวอนุญาตให้จ้าว เหว่ย ได้สัมปทานโครงการเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมทองคำ เป็นเวลา 50 ปี

 

เหนืออื่นใด อาณาจักรของ “จ้าว เหว่ย” ในรอยต่อ 3 ชาติคือ เมียนมา ลาว และไทย ไม่ต่างจากป้อมปราการของ “ปักกิ่ง” ที่เฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้