
29 สิงหาคม 2568 คือวันประวัติศาสตร์การเมืองที่ต้องลุ้นว่านายกฯคนที่31 จะรอด/ร่วง จากมติเก้าเสียงของ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ท่ามกลางความขัดเเย้งชายเเดนไทย-กัมพูชา
ไม่ว่าผลจะออกมาเช่นใด "เเพทองธาร ชินวัตร" สอบไม่ผ่านการบริหารราชการเเผ่นดินจากสายตาคนไทยส่วนใหญ่ ดังนั้นหลังเวลา 15 .00 น.วันศุกร์นี้ คำตอบที่หลายคนรอคอยจะกระจ่าง...
ภาวะเเบบนี้ที่ไม่มีอะไรเเน่นอนนั้น พบว่า พรรคเพื่อไทย เร่งขยับทุกภารกิจที่เป็นตัวเเปรคะเเนนนิยมทางการเมืองเเละการวางบุคคลในตำเเหน่งสำคัญ
สะท้อนภาพผ่านมติครม./ร่างกฎหมายสำคัญๆ จะรุดหน้าฉับไว เช่น ที่ประชุมสภาผู้เเทนราษฎร ผ่านร่าง พ.ร.บ.ตั๋วร่วมและร่าง พ.ร.บ. การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ ซึ่งเป็นร่างกฎหมายที่จะเดินหน้านโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เป็นต้น
ขณะเดียวกัน วันที่ 28 สิงหาคมน้้น สังคมลุ้นกันสองเรื่องคือที่มีผลทางการเมืองระดับหนึ่ง คือ
1.มติคณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวเคาะงบ4.4หมื่นล้านบาทเศษช่วยชาวนาคนละสิบไร่(นาปรังเเละนาปี) เเละมอบธกส.ดำเนินการ (รัฐบาลกู้เงินธกส.ช่วยชาวนา) โดยรอมติคณะกรรมการธนาคาร (บอร์ด ธ.ก.ส.) ว่าจะไฟเขียวหรือไม่ และหากกระทรวงเกษตรฯ ส่งข้อมูลเกษตรกรมาครบหรือทยอยส่ง ธ.ก.ส. พร้อมดำเนินการโอนเงินให้เกษตรกรได้ภายใน 3 วัน
ยอมรับกันตรงๆ พรรคเพื่อไทย ทำงานไม่ตรงปกกับสิ่งที่หาเสียงเอาไว้ เเละนโยบายเกษตรกรพรรคเพื่อไทย คือ พักหนี้เกษตรกรทั้งต้นและดอก 3 ปี มุ่งสร้างรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าภายใน 4 ปีด้วยหลัก “ตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้” นั้น ไม่ได้ขยับ เเละพท.จะอ้างว่ามอบกระทรวงเกษตรฯให้พรรคพลังประชารัฐเเละพรรคกล้าธรรมกุมกระทรวงเกษตรฯ ไปแล้ว เเต่คนที่มอบกระทรวงนี้ให้พรรคอื่นดูเเลคือพท. ดังนั้นพท.จะเด้งเชือกหนีไม่ได้ว่า พท.สอบตกนโยบายด้านการเกษตร...
2.การประชุมก.ตร. (ประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568) ลุ้นว่า จะมีการบรรจุวาระเเต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ (ตำแหน่งที่ว่างระดับ รอง ผบ.ตร. 2 ตำแหน่ง, ผู้ช่วย ผบ.ตร. 7 ตำแหน่ง, ผบช. 17 ตำแหน่ง, รอง ผบช. 41 ตำแหน่ง และ ผบก. 72 ตำแหน่ง)หรือไม่หลังจากพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ทำหนังสือถึง ภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อขอความเป็นธรรมในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจประจำปี 2568
...เเว่วว่า"บิ๊กอ้วน"จ่อเลื่อนวาระนี้เเละนัดใหม่ในอีกสิบห้าวัน...
มองไปในสิ่งที่ "บิ๊กเต่า" ระบุกับสื่อมวลชนว่า "ไม่ได้รับความเป็นธรรม" ทั้งๆที่ตัวเองมีผลงานหลายคดีเเละอาจไม่ได้รับการพิจารณาขยับเก้าอี้ ( เลื่อนเป็นพลตำรวจโทเเละขยับเป็นผบช. ) สืบทราบวงใน ระนาบพลตำรวจตรีที่ลุ้นขยับมี 94 นาย อีกทั้งเมื่อลงไปเช็กบัญชีกันให้ดี ปีนี้คุณสมบัติ "บิ๊กเต่า" เข้าเงื่อนไขสมควรได้ขยับหรือไม่.....
ดังนั้น ผบ.ตร."พลตำรวจเอกกิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์" วางหลักในการเเต่งตั้งโยกย้ายไว้นั้น เพราะหากทำผิด ผบ.ตร.คือคนเเรกที่อาจโดนร้องเรียนได้ด้วยหลากวิธี หากพลาดไป "ผบ.ตร." อาจตกเก้าอี้เเบบไม่รู้ตัว...
พิจารณากรณี "บิ๊กเต่า" ท้าชน "บิ๊กต่าย" โดยร้องเรียนเดินเกมผ่าน"บิ๊กอ้วน" นั้น อาจสมประโยชน์สองฝ่ายคือ ฝ่ายเพื่อไทย เนื่องจากวงในแจ้งว่า พท.ผลักดันรายชื่อนายตำรวจหลายคน เเต่ไม่ผ่านหลักเกณฑ์ที่"บิ๊กต่าย" วางไว้ พท.อยากได้คนในเครื่องเเบบสีกากีไปวางในพื้นที่เป้าหมายทางการเมือง เเต่ ผบ.ตร.ไม่ไฟเขียว บางรายขัดกับหลักการที่วางไว้เเละอาจเกิดผลลบกับผบ.ตร.เเบบลูกระนาด หากผบ.ตร. เดินหน้าตามคำของขั้วการเมือง ส่องานเข้าไม่รู้ตัว
สายข่าวปทุมวัน แจ้งว่า เก้าอี้ในปีนี้ประกอบด้วย รอง ผบ.ตร.ว่าง 2 ตำแหน่ง, ผู้ช่วย ผบ.ตร. (หรือเทียบเท่า) 7 ตำแหน่ง, ผู้บัญชาการ (หรือเทียบเท่า) 18 ตำแหน่ง, รองผู้บัญชาการ 45 ตำแหน่ง และผู้บังคับการ 81 ตำแหน่ง โยกสลับระนาบเดียวกัน คาดว่ามีกว่า 100 ตำแหน่ง
โผที่ฝ่ายการเมืองวางไว้ เเว่วว่า ผบ.ตร.ไม่เคาะให้เท่าที่ควร โดยที่ฝ่ายการเมืองผลักดัน สองนายพลสีกากีในคดีชั้น14 รพ.ตำรวจ ให้ขยับเก้าอี้ ทั้งๆที่ยังลุ้นว่าจะรอด/ร่วงคดีชั้น14 รพ.ตำรวจหรือไม่ ผบ.ตร.ไม่ขยับโผนี้ ทำให้ฝ่ายการเมืองเคืองจนมีกระเเสข่าวลอยมาว่า อาจมีการเด้ง ผบ.ตร.เพราะไม่สนองตอบฝ่ายการเมือง....
ส่วน"บิ๊กเต่า"นั้น อาศัยฝ่ายการเมืองในการรื้อโผ เพราะเจ้าตัวไม่เเฮปปี้กับโผในคราวนี้ เเม้เจ้าตัวอาศัยผลงานในคดีสำคัญๆที่บิ๊กเต่าจับกุมเป็นเเรงต่อรอง โดยบิ๊กเต่าอาจไม่ได้มองคุณสมบัติของตัวเองว่าเข้ากับหลักการที่ทางปทุมวันวางไว้หรือไม่....
สมมติว่า หากตร.นายใดที่มีภาวะเป็นอินฟลูเอนเซอร์กล้าท้าชน "ผบ.ตร." เเบบไม่เกรงใจกันเเบบนี้ อาศัยฝ่ายการเมืองเป็น กองหนุนนั้น "ผบ.ตร." ต้องเเน่วเเน่ ยึดกติกา หาก "ผบ.ตร." หลักการไม่เเข็ง อ่อนลู่ลมตามเกมกดดัน เเละเกมกดดันในงวดนี้ที่"บิ๊กเต่า"จุดขึ้นนั้น รับรองว่าคนเเรกที่เละคือผบ.ตร.เพราะจะโดนเเรงบีบจากตำรวจกว่าสองเเสนนายเเทน...
อย่าลืมว่า ตั้งเเต่"บิ๊กต่าย"มาทำงานเป็นเบอร์1 ปทุมวัน กระเเสข่าววิ่งเต้นการเเต่งตั้งตร.ทั่วประเทศไม่ปรากฏเเละการยึดกติกาที่วางไว้เเปลว่าผบ.ตร.ไม่มีเรื่องด่างพร้อยเกี่ยวกับการวิ่งเต้นรับสินบน..จนสีกากีทั่วไทยยอมรับ
อย่าลืมว่าห้วงที่ผ่านมา "บิ๊กต่าย" ผ่านเเรงปะทะเเนวนี้จากเคสบิ๊กโจ๊กมาเเล้วเเบบนิ่งๆ ดังนั้นเเรงบีบเเบบนี้ผบ.ตร.น่าจะทะลุได้เพราะยึดกติกา
ดังนั้น หากโผตร.ปีนี้ ขั้วการเมือง/ตร.บางนายจะกระแทกกฎเกณฑ์ที่ผบ.ตร.วางไว้อย่างเหมาะสมได้อย่างไรหรือไม่...วัดกัน
สองวาระร้อนนี้จะเป็นอย่างไร ส่งผลกับเวทีการเมืองเพียงใด อดใจรอเเละมองว่าจะเป็นเช่นใด