
น่าจะเหนื่อยแล้วสำหรับ "ณฐพร โตประยูร" อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน และ "กุสุมาลวตี ศิริโกมุท" อดีตผู้สมัคร สว.และอดีตสส.มหาสารคาม พรรคไทยรักไทย เพราะเมื่อวันที่ 26 พ.ค. ฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทยได้ยื่นฟ้องณฐพร และกุสุมาลวตี ต่อศาลอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา และ แจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อเจ้าพนักงาน ตามประมวลกฎหมายอาญา และ พระราชบัญญัติพรรคการเมือง
หากอ่านหน้าเสื่อแล้ว ณฐพร น่าจะหนักกว่า เพราะก่อนหน้านี้ ศุภชัย ใจสมุทร คีย์แมนฝ่ายกฎหมายพรรคสีน้ำเงินเคยระบุว่า "ณฐพร เป็น 1 ใน 14 ผู้ถูกกล่าวหาคดี ฟอกเงินการขายที่ดิน ของศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น วงเงิน 477 ล้านบาทและพฤติการณ์หลีกเลี่ยงการไปพบพนักงานอัยการเป็นเวลาหลายปี" จนสำนักงานอัยการสูงสุดต้องมีหนังสือถึงดีเอสไอถึงสองครั้งคือวันที่ 4 ก.พ.2568 และ1 พ.ค. 2568 เพราะคดีจะหมดอายุความวันที่15 มิ.ย.ปีนี้ เพื่อ ให้ส่งตัวผู้ต้องหา หรือออกหมายจับ นำตัวมาฟ้องศาล ซึ่งดีเอสไอมิได้ดำเนินการใด เพื่อส่งตัวมาให้อัยการเพื่อฟ้องคดีต่อศาลอาญา
เพราะ ดีเอสไอได้เสนอสำนวนการสอบสวนไปยังสำนักงานอัยการมาตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 และพนักงานอัยการได้มีความเห็นสั่งฟ้องแล้วและยังพัวพันคดีสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา หรือ "เสี่ยบิ๊ก" อดีตประธานสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจ เป็นจำเลยในความผิดฐานปลอม และใช้ตั๋วเงินปลอม ที่ปลอมตั๋วแลกเงิน หรือดราฟท์ของธนาคารฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ แบงค์กิ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อไปใช้อ้างต่อสำนักงานสวัสดิการ และสวัสดิภาพบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ว่าเป็นตั๋วแลกเงินที่แท้จริงจากธนาคารฮ่องกงฯ ที่ออกคำสั่งจ่ายเงินตามคำสั่งของสำนักงาน สกสค.ผู้เสียหาย จำนวน 100 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ หรือ 3,200 ล้านบาท ยึดถือไว้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันตั๋วสัญญา ใช้เงินของบริษัทบิลเลี่ยนฯ ที่จำเลยนำมาหลอกลวงขายให้แก่ สกสค.
โดยคณะกรรมการบริหารกองทุนสนับสนุนพิเศษ และส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้สมาชิกฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.)เพราะณฐพรเคยเป็นกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารช.พ.ค. ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.)
หากไล่ห้วงเวลาที่ผ่านมาจะพบว่า อธิบดีดีเอสไอ ในช่วงปี2560 ตามที่คดีของ ณฐพร กับการฟอกเงินนั้น อธิบดีดีเอสไอในยามนั้นประกอบด้วย พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง/พ.ต.ท.กรวัชร์ ปานประภากร/ไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์/พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมลและล่าสุด พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ
ฉะนั้นศึกคราวนี้ พรรคสีน้ำเงินพ่วงเอากรมสอบสวนคดีพิเศษเป็นเสมือนจำเลยในการเช็กบิล ณฐพร เข้าไปด้วย เพราะวันที่ณฐพร ไปยื่นหนังสือที่ ดีเอสไอ และ กกต. รวมทั้งไปออกรายการกับสื่อหลายแขนงนั้น "อนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีนี้แบบสะเทือนย่านแจ้งวัฒนะ ว่า “รู้สึกว่าณฐพรไปฟ้องยุบพรรคภูมิใจไทย และฟ้องอีกหลายๆ อย่าง" และ "ณฐพร เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ หาก DSI ไม่จับจะหมดอายุความใช่หรือไม่" และ “ถ้ากำลังไม่พอ เห็นกรมการปกครองก็มีกำลังคอยช่วยสนับสนุนการทำงานของ DSI เพราะที่ผ่านมา DSI ก็เคยขอให้กรมการปกครองสนับสนุนหลายเรื่อง”
หมายความว่า พรรคสีน้ำเงิน ถามว่า ทำไมดีเอสไอไม่จับกุมณฐพรในห้วงที่ผ่านมา ทั้งที่สำนักงานอัยการสูงสุดส่งหนังสือให้ดีเอสไอเร่งดำเนินการมาสองครั้งแล้ว หรือกรณีนี้จะมีการฮั้วเกิดขึ้นเป็นคดีใหม่...
ถอดภาษาการเมือง เท่ากับว่า พรรคสีน้ำเงิน กดดันกลับไปยังรมว.ยุติธรรม "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" โดยมีมือขวาคือ "พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ" อธิบดีดีเอสไอแบบเนื้อๆเน้นๆแปลความว่า พรรคสีน้ำเงินจับอาการ ศึกฮั้วสว.มาระยะหนึ่ง การที่คณะกรรมการคดีพิเศษ(คกพ.) ชง คดีฮั้วสว. ให้เป็นคดีพิเศษ ข้อหาอั้งยี่และฟอกเงินไว้แล้ว ก่อนที่จะไปร่วมทำคดีกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) บวกกับการที่ ณฐพรเคยอ้างไม่นานมานี้ว่า สำนวน คดีฮั้วสว. พัวพันคนวงในพรรคภูมิใจไทยนั้นได้ข้อมูลมาจากกกต.และดีเอสไอบางส่วน
จึงไม่แปลกที่คนวงใน พรรคสีน้ำเงิน คงอ่านจังหวะนี้ ดักทางว่า ณฐพร นั้นใช้สิทธิทางกฎหมายโดยสุจริตหรือไม่และประวัติที่ผ่านมาใสสะอาดหรือไม่ เพราะ ณฐพร พัวพันคดีดังในวันวานคือ คดีฟอกเงินและคดีเสี่ยบิ๊ก คนในพรรคสีน้ำเงินยังกล่าวว่า ณฐพรน่าจะมีสายสัมพันธ์ที่ดีกับอดีตอธิบดีดีเอสไอ"ธาริต เพ็งดิษฐ์" รวมทั้งมีเส้นเงินที่จ่ายให้สองข้าราชการดีเอสไอให้ล้มบางคดีในช่วงที่ ธาริต ควบคุมดีเอสไอ
เท่ากับว่า พรรคสีน้ำเงิน เปิดพฤติกรรมบางด้านให้สังคมรับรู้ว่าบางคดีนั้น ดีเอสไอ ใช่ว่าจะโปร่งใสไปเสียทั้งหมดและบวกกับกรณีล่าสุดนั้น เท่ากับว่ายามนี้ ดีเอสไอ แต้มลบไปพอสมควร
แม้ ดีเอสไอ จะแก้ลำแล้ว คือออกหมายเรียกให้ ณฐพร ไปพบสำนักงานอัยการสูงสุดในวันที่ ( 28 พ.ค.ก็ตาม เเละณฐพรไปพบอัยการเเล้วเเละขอเลื่อนคดีไปวันที่ 5 มิย.ท่ามกลางข้อต่อสู้ที่ ณฐพร อ้างไว้
ซึ่งไม่รู้ว่างานนี้ ดีเอสไอขยับ หลังพรรคสีน้ำเงิน กระทุ้งหรือไม่ จะเรียกแต้มคืนได้เท่าใด แต่เท่าที่ผ่านมา ดีเอสไอติดลบ...กับเคสนี้ที่ พรรคสีน้ำเงิน ทิ้งบอมบ์ จากการอ้างหนังสือตามภารกิจที่สำนักงานอัยการสูงสุดทวงถามดีเอสไอในปีนี้ถึงสองครั้งในกรณีของณฐพรนั้น
ใครขาดทุนกับเกมนี้ เดาได้ไม่ยาก เเต่ที่เเน่ๆ ศรัทธา ต่อระบบยุติธรรมไทยขาดทุนไปเเล้ว ในสายตาสังคม
งานนี้... รมว.ยุติธรรม -พ.ต.ต.ยุทธนา ปฏิเสธความรับผิดชอบได้ยากยิ่ง