svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

''อนุทิน'' เปิดนโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง ดัน ''สีหศักดิ์-ศุภจี'' นั่งรองนายกฯ

''อนุทิน'' เปิดนโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง ดัน ''สีหศักดิ์-ศุภจี'' นั่งรองนายกฯ ชูล้างหนี้-คนละครึ่ง ผุดนโยบายทหารอาสา 100,000 อัตรา มีรายได้ 12,000 บาท/เดือน

24 ธันวาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นำแถลงเปิดนโยบาย สำหรับการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคภูมิใจไทย ภายใต้ม็อตโต้ ''พูดแล้วทำพลัส'' โดยมีความมั่นใจว่า พรรคภูมิใจไทย พร้อมที่จะเข้าสู่สนามเลือกตั้ง เพื่อรับใช้ประเทศ และประชาชน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญที่สุด เพราะเป็นครั้งแรกที่ประชาชน ตั้งความคาดหวังอย่างสูงกับพรรคภูมิใจไทย จึงจะต้องมีความพร้อมสูงสุดทุกด้าน ทั้งบุคลากร ยุทธศาสตร์ และนโยบาย จึงเป็นที่มาของนโยบายพรรคภูมิใจไทย ''พูดแล้วทำพลัส''
 

พร้อมยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย มีประสบการณ์ครบถ้วน ผ่านร้อน ผ่านหนาว ทั้งนโยบายเศรษฐกิจ สังคม อุตสาหกรรม สิ่งแวดล้อม สาธารณสุข และการต่างประเทศ จนทำให้ประเทศไทย มีที่ยืนทุกมิติบนเวทีโลก และกล้าเสนอคำว่า ''พูดแล้วทำพลัส'' ที่หมายถึง พรรคภูมิใจไทย มีความพร้อมสูงสุดทุกด้าน สิ่งที่พูดสามารถทำได้จริง ใหญ่กว่าเดิมและทำได้เลย ด้วยบุคลากรของพรรคภูมิใจไทย
 

และย้ำว่า พรรคภูมิใจไทย เคยผ่านงานวิกฤต และภัยหนัก ทั้งภัยพิบัติ โรคระบาด และความมั่นคงชายแดน ซึ่งตนเองอยู่กับพรรคภูมิใจไทยกว่า 10 ปี ในอดีตนโยบายยังไม่ครบถ้วน แต่ปัจจุบันพรรคภูมิใจไทย ได้เติมเต็มส่วนที่ขาดจนครบถ้วน พร้อมให้ความมั่นใจกับผู้สมัคร สส.พรรคภูมิใจไทย ว่า ทุกการเลือกตั้ง พรรคภูมิใจไทยเติบโตขึ้น ไม่เคยเล็กลง และการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ได้ขอโอกาสประชาชน ช่วยทำให้กราฟพรรคภูมิใจไทยเติบโตขึ้น และได้กลับมาพัฒนาประเทศ 
 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

 

นายอนุทิน ยังย้ำอีกว่า พรรคภูมิใจไทย มีความพร้อมสูงสุดในการรับใช้ประชาชน เพราะมีความสามารถในการทำงานร่วมกับทุกภาคส่วนได้อย่างมีเอกภาพ ไม่ว่าข้าราชการการเมือง กองทัพ และทุกภาคส่วนของประเทศ จึงยืนยันว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พรรคมีบุคลากรที่ทุ่มเททำหน้าที่ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ดังนั้น บุคคลทั้งเบื้องหน้า และเบื้องหลัง พรรคภูมิใจไทย จึงมีทั้งคลังบุคลากร และคลังด้านยุทธศาสตร์ และในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้นำเสนอนโยบายให้ประชาชนได้พิจารณาให้พรรคภูมิใจไทย เข้ามาแก้ปัญหาประเทศ

 

นายอนุทิน ยังได้กล่าวถึงภัยภัยคุกคามประเทศในขณะนี้ ทั้งภัยเศรษฐกิจ สังคม ภัยพิบัติธรรมชาติ และภัยความมั่นคงชายแดน จนประชาชนมีความหวาดกลัว ซึ่งนายอนุทิน ได้ให้ความมั่นใจกับประชาชนว่า อย่ากลัวที่จะต้องเสียอธิปไตยของประเทศ โดยพรรคภูมิใจไทยจะทำให้ความกลัวนี้ เปลี่ยนเป็นความมั่นคง มั่งคั่ง เชื่อมั่น ซึ่งตลอดระยะเวลา 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย ได้ทำงานอย่างหนักในการแก้ไขปัญหาชายแดน ร่วมกับกองทัพ ทำให้ประเทศปลอดภัยคุกคาม เสริมสร้างศักยภาพกองทัพให้มีความเข้มแข็ง ทำให้ประเทศไทย เป็นที่ยำเกรงแก่ผู้ประสงค์ร้าย โดยจะยังคงดำเนินต่อไปให้แข็งแรง มั่นคงยิ่งขึ้น และจากนี้ประเทศไทย จะมีความแข็งแกร่งโดยเฉพาะความมั่นคง
 

และยืนยันว่า พรรคภูมิใจไทย จะสร้างรั้วของชาติ สร้างความมั่นคงปลอดภัยให้ประชาชน โดยจะเป็นรั้วที่ป้องกันภัยทุกด้าน ทั้งภัยทหาร สงคราม ยาเสพติด การลักลอบขนของเถื่อน-สินค้าผิดกฎหมาย จนทำให้สินค้าไทยตกต่ำ ภัยแรงงานเถื่อน และจะสร้างความแข็งแกร่งให้ประเทศ ที่จะต้องป้องกันอาชญากรรมต่าง ๆ ทั้งสแกมเมอร์ ทุนเทา และการพนัน เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า
 

พรรคภูมิใจไทย จะสร้างรั้วเพื่อต่อต้านสีเทา ๆ เหล่านี้ทั้งหมด ผ่านนโยบายทหารอาสา ซึ่งเป็นการเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ จำนวน 100,000 อัตรา เงินเดือน 12,000 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 4 ปี เพื่อ พร้อม Up-skill, Re-skill มีอนาคตเป็นนายสิบได้ ซึ่งจะช่วยให้กองทัพมีกำลังพลที่สมัครใจและมีความเข้มแข็งในการปกป้องแผ่นดิน
 

นายอนุทิน ยังเปิดนโยบายเศรษฐกิจพลัส โดยยืนยันว่า ตนเองยังตระหนักว่า ยังติดหนี้ประชาชนอีกคนละ 2,400 บาท ในโครงการคนละครึ่งพลัส ดังนั้น จึงขอโอกาสให้พรรคภูมิใจไทย ได้กลับมาชำระหนี้ให้กับประชาชน ผ่านโครงการคนละครึ่งพลัสดังกล่าว โดยจะยกระดับให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปอีกด้วย รวมถึงนโยบายการยกระดับสินค้าไทย Made in Thailand ให้ทรงพลัส เหนืออุปสรรคกำแพงภาษี, การคว่ำบาตรต่าง ๆ ให้สำเร็จ เพื่อทำให้สินค้าไทย เป็นสินค้าที่ทั่วโลกต้องการ มีคุณภาพ และคุณค่า เป็นสินค้า Net Zero ภายใต้กติกาโลกใหม่ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อทำให้ประเทศไทย ยืนอยู่บนเวทีโลกได้อย่างสง่างาม 
 

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย
 

นายอนุทิน ยังยืนยันว่า ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทย ได้ทำงานในรัฐบาล 3 เดือน สามารถสร้างผลงานที่ประจักษ์ เศรษฐกิจดีขึ้น ราคาพืชผลการเกษตรมีราคาสูงขึ้น ผ่านการใช้กลไกผลักดันสินค้าเกษตรให้ทะยานขึ้น นำประเทศไทยกลับสู่เวทีโลกด้วยศักดิ์ศรี รักษาเกียรติภูมิ สร้างความเป็นหนึ่งให้กับประเทศ สร้างการยอมรับ และถ้าประชาชนให้โอกาสมากกว่านี้ พรรคภูมิใจไทย จะทำได้มากกว่านี้ จึงขอโอกาสประชาชน เลือกพรรคภูมิใจไทยให้กลับมา
 

หากตนได้เป็นนายกรัฐมนตรี ตนจะให้ ''นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว'' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้เป็น ''รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ'' เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีประเทศ และให้ ''นางศุภจี สุธรรมพันธุ์'' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อกำกับการพาณิชย์ อุตสาหกรรม และการค้าประเทศ รวมถึงประชาชนจะยังคงได้ ''นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส'' เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อกำกับการคลังแผ่นดิน และวินัยการเงินประเทศ
 

 

'นางศุภจี สุธรรมพันธุ์'' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
 

นายอนุทิน ยังแย้มถึงว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย หลังปรากฏชื่อทั้ง นายสีหศักดิ์, นางศุภจี และนายเอกนิติว่า ทั้ง 3 บุคคลนี้มาแน่  ส่วนจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ไม่สำคัญ เพราะตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี และอาจจะเผื่อเหลือเผื่อขาดบ้าง เพราะไม่สามารถบังคับจิตใจคนได้ และสมาชิกพรรคฯ ทั้งหมดเป็นนักการเมืองในสายเลือด คุ้นชินกับการรับแรงปะทะ คุ้นชินกับการรับฟังเสียงบ่น เสียงตำหนิ แต่ทั้ง 3 บุคคล อาจจะยังไม่ชิน แต่ตนเชื่อว่า เดี๋ยวทั้ง 3 คน ก็จะชิน
 

แต่ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ขอให้ทั้ง 3 คน ได้ทำสิ่งที่ทำให้สบายใจ เพื่อสามารถกลั่นผลงานให้ประชาชนประทับใจ ไม่มีความกังวล และเมื่อได้สั่งสมประสบการณ์การเมืองไปสักพัก และถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจแน่ และวันนั้นทั้ง 3 จะเป็นส่วนหนึ่งของพรรคภูมิใจไทย ซึ่งทั้ง 3 คนแม้จะรู้สึกเป็นคนนอก เพราะไม่คุ้นชินกับระบบการเมือง แต่ในการทำงาน ทั้ง 3 คนถือเป็นคนไทย และเพื่อนร่วมงานที่ทำงานร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น ตนจึงยืนยันว่า หลังจากนี้ พรรคภูมิใจไทย จะทำงานได้ดีกว่า ยิ่งใหญ่กว่า และสำเร็จกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา 
 

'นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว'' รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
 

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส