
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จับมือกระทรวงอุตสาหกรรม เดินหน้าทำงานเชิงรุกลงพื้นที่จังหวัดนครปฐม เปิดงาน “โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ ในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร” ณ โรงเรียนวัดโพรงมะเดื่อ (ศรีวิทยากร) เพื่อให้บริการ “ถึงที่–ครบวงจร–จบในคราวเดียว” ตั้งแต่การผลิต ต้นทุน คุณภาพ ไปจนถึงการต่อยอดสู่การแปรรูปสร้างมูลค่าเพิ่ม
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยจ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะผู้บริหารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมถึงผู้แทนหน่วยงานด้านส่งเสริมการเกษตรและอุตสาหกรรม
ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวในพิธีเปิดว่า โครงการคลินิกเกษตรเคลื่อนที่ฯ เป็นกลไกสำคัญในการ เชิดชูและสานต่อแนวพระราชดำริด้านการพัฒนาประเทศอย่างครบมิติ พร้อมย้ำว่า การนำ “คน–เครื่องมือ–องค์ความรู้” ลงไปถึงพื้นที่ จะช่วยให้เกษตรกรเข้าถึงบริการของรัฐได้สะดวก ลดขั้นตอน ลดค่าใช้จ่าย และเพิ่มโอกาสในการพัฒนาคุณภาพผลผลิตอย่างเป็นรูปธรรม
ภายหลังพิธีเปิด ร้อยเอกธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ว่า จังหวัดนครปฐม มีเกษตรกรจำนวนมากทั้งด้านพืช ปศุสัตว์ และการแปรรูป การจัดคลินิกเกษตรเคลื่อนที่จึงช่วยให้คำปรึกษาได้ครบ ตั้งแต่การผลิต การจัดการต้นทุน การยกระดับมาตรฐานคุณภาพ ไปจนถึง การต่อยอดมูลค่าเพิ่ม เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคงและยั่งยืน พร้อมสะท้อนแนวทางสำคัญของรัฐบาลว่า “คลินิกไม่ใช่ช่วยเฉพาะหน้า แต่คือการวางรากฐานให้เกษตรกรพึ่งพาตนเองได้และแข่งขันได้ในเศรษฐกิจปัจจุบัน”
ส่วนปัญหาน้ำนมดิบล้นตลาดและกรอบการใช้งบประมาณตามข้อกำหนดของรัฐบาลรักษาการ ร้อยเอกธรรมนัส ระบุว่า รัฐบาลแม้เข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่าน แต่ ภารกิจแก้ปัญหาปากท้องประชาชนต้องเดินต่อ โดยจะนำเรื่องเข้าหารือในการประชุม ครม. ครั้งถัดไป เพื่อให้แนวทางแก้ไขมีความต่อเนื่องและไม่สะดุด
ด้าน จ่าเอกยศสิงห์ ย้ำว่า กระทรวงอุตสาหกรรมลงพื้นที่ร่วมกับกระทรวงเกษตรฯ เพราะมองว่า ภาคเกษตรคือฐานการผลิตสำคัญของประเทศ และสามารถ “ต่อยอด” ผ่านการแปรรูปเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจให้เกษตรกรและชุมชนได้จริง โดยจากนี้ทั้งสองกระทรวงจะบูรณาการความร่วมมือ เชื่อมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ตั้งแต่การพัฒนาองค์ความรู้และมาตรฐาน ไปจนถึงการเพิ่มขีดความสามารถด้านการแปรรูปและตลาด
ทั้งนี้ มีรายงานว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้สะท้อน “สไตล์การทำงานในแนวทางเดียวกัน” ของทั้ง ร.อ.ธรรมนัส และ จ่าเอกยศสิงห์ คือ ทำมากกว่าพูด เน้นงานที่จับต้องได้และออกผลกับประชาชน พร้อมกำชับข้าราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ห้ามปล่อยเกียร์ว่างในช่วงเลือกตั้ง เพราะ “เรื่องของประชาชนไม่ใช่เรื่องที่รอได้” และงานรัฐต้องเดินหน้าต่อเนื่องเพื่อให้บริการประชาชนอย่างเต็มกำลังในทุกสถานการณ์