
3 ธันวาคม 2568 ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานกรรมการ คณะกรรมการอำนวยการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เป็นประธานร่วมแถลงข่าว เปิดปฏิบัติการ Copperhead ทลายเมืองบิทคอยน์เถื่อน โดยมี พลตำรวจโท รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองประธานกรรมการ พลตำรวจเอกกิตตรัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หรือ ผบ.ตร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปราม ร่วมด้วย
ในช่วงหนึ่งที่เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้สอบถามคำถาม นายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงกรณีที่ นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ออกมายอมรับว่า รู้จักกับ นายเบน สมิธ ว่าการรู้จักกัน รู้จักกันได้ แต่ในนโยบายที่ตนได้มอบหมายทางผู้ปฏิบัติได้ไปดำเนินการทั้งหมด หากเชื่อมโยงไปถึงใคร ก็ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย ตามหลักฐาน ตามกระบวนการสอบสวนอย่างเคร่งครัด ไม่มีการละเว้น
แต่หากกลัวว่าจะต้องกลับมาถามว่า คนนี้หรือบุคคลนี้มีชื่อเสียงอย่างนี้จะมีการละเว้น หรือมีคำสั่งพิเศษใดๆ หรือไม่ ตนบอกว่า ถ้าง่ายที่สุด เวลาตนทำอะไร คือไม่ต้องไปสนใจชื่อ แต่ให้ดูที่พฤติกรรม ซึ่งพูดง่ายๆ เวลาทำงานให้ยึดหลัก "ปิดชื่อ ถือพฤติกรรม" ผลออกมาเป็นใคร ก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย เพราะหากไม่ดำเนินการตามกฎหมาย ก็จะโดนข้อหาละเว้นเสียเอง
นายกรัฐมนตรี ยังอธิบายถึงกรณีการดำเนินการต่อ นายยิม เลียก ประธานกรรมการของ BIC Bank ธนาคารพาณิชย์แห่งกัมพูชา ว่า จากที่ได้รับสัญชาติไทยมาจากการสมรส กับภรรยาที่เป็นคนไทย อยู่ในหมวด 6 ในบัตรประชาชน ซึ่งตนได้ให้ข้อสั่งการไปยังปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้ดำเนินการเพิกถอนสัญชาติ ตามที่ได้เคยทำมากับรายอื่นๆ ก่อนหน้านี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในนามของนายกรัฐมนตรี และหัวหน้ารัฐบาล ตนขอแสดงความชื่นชมต่อฝ่ายปฏิบัติการโ ดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงาน ปปง. กระทรวงยุติธรรม กระทรวง ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี และหน่วยงานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง นี่ถือเป็นอีกสักครั้งหนึ่งแสดงให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้เพิกเฉยละเลย ต่อเรื่องของการปราบปราม ผู้ขออาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรืออาชญากรรมข้ามชาติ ตามที่ได้มีบุคคลผู้ห่วงใยหลายท่าน พยายามที่จะชี้แจงให้ประชาชนได้รับทราบว่า รัฐบาลหรือฝ่ายความมั่นคงฝ่ายปกครอง ไม่ได้ให้ความสนใจกับเรื่องนี้
ทั้งนี้ รัฐบาลชุดนี้เพิ่งเข้ามาทำงาน 8 สัปดาห์ ตนได้ร่วมกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการไปให้ข้อมูลเวลาจับกุม ยาเสพติดทุกประเภทสังคมยึดทรัพย์ การก่ออาชญากรรม การค้ามนุษย์ตลอดจนอาชญากรรมข้ามชาติ ขอให้ประชาชนได้เชื่อถือ และเชื่อมั่นว่าในเรื่องอาชญากรรมเหล่านี้ คนที่ทำผิดกฎหมายเช่นนี้ เป็นเรื่องที่รัฐบาลถือว่ามีความสำคัญ และให้การสนับสนุนหน่วยงานปฏิบัติในทุกรูปแบบ ที่จะทำให้พวกเขาสามารถไปดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ไม่มีข้อยกเว้นใดๆ ละเว้นหรือไม่มีการละเว้นให้กับผู้ใด อย่างที่ตนเรียนว่าปิดชื่อถือพฤติกรรมเป็นหลัก
นายอนุทิน กล่าวว่า เมื่อเช้าตนได้ให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่งแล้วที่ทำเนียบรัฐบาล ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่า การสื่อสารกันระหว่างรัฐบาลก็คือ ตนและผู้ปฏิบัติทุกหน่วยงานนั้น มีการสื่อสารกันให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ตลอดเวลา และมีการยืนยันการสนับสนุน และยืนยันในเรื่องการให้ดำเนินการ ทุกครั้งขอให้ทุกคนได้เกิดความมั่นใจ และให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่ทั้งหลาย เพราะคนที่ทำงานเหล่านี้ทุกคน ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยง เราไม่ทราบว่าเข้าไปแล้วจะต้องไปเจออะไรบ้าง เพราะฉะนั้นขวัญและกำลังใจของผู้ปฏิบัติงานถือเป็นเรื่องที่สำคัญ ถ้าทำงานแล้วได้รับความเชื่อมั่นเชื่อถือของประชาชน ก็เห็นช้างตัวเท่ามดไม่มีความเกรงกลัวใดๆ ทั้งสิ้น
สิ่งที่เราควรคือกลัวประชาชนไม่เข้าใจว่าเราทำงาน หลายครั้งเราพิสูจน์ได้เห็นแล้วว่า เราทำงานทำทุกวันทำโดยที่ ไม่เคยสนหน้าอินทร์ หน้าพรหม และจะยังทำต่อไป ไม่ใช่ยึดทรัพย์หมื่นล้านเข้าเป้าแล้ว ใกล้ปีใหม่แล้วขอลาพักร้อนไปก่อนไม่มี เราจะยังดำเนินการขยายผล และจะดำเนินการเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จนกว่าทุกอย่างเข้ารูปเข้ารอย เนื่องจากเป็นอาชญากรรมต่อเนื่องมาเป็นระยะเวลานาน เป็นอาชญากรรมทางเทคโนโลยีมีการพัฒนาวิธีการของเขาอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น Catch me if you can เราต้องตอบว่า I can Always catch you ต้องขอความเข้าใจประชาชนว่า เราจะไม่มีวันหยุดปฏิบัติการเพื่อประเทศของเรา และความปลอดภัยของประชาชนทุกคน