รมช.อุตสาหกรรม ทลายโรงงานคอนกรีตอยุธยาเมินกฎหมาย-ปล่อยฝุ่นพิษ

จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม บูรณาการร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหน่วยงานพิทักษ์มาตรฐาน พร้อมด้วยทีมงาน ประกอบด้วบ นายพีรวัส สมวงศ์ เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม, นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการ สมอ., นายปณตสรรค์ สูจยานนท์ รองอธิบดี กรง., และนายชยพล สายทวี ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการคดีพิเศษ เขตพื้นที่ 1 (DSI) เข้าตรวจสอบโรงงานผลิตคอนกรีตแบบปูพรมทุกตารางนิ้ว บุกโรงงานคอนกรีตย่านอำเภออุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังได้รับการประสานข้อมูลลับว่ามีการลักลอบกระทำผิด พรบ.โรงงาน และ พรบ.มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม โดยได้สั่งเชือดทันทีไม่มีละเว้น พร้อมย้ำชัดเจนว่า “กฎหมายต้องศักดิ์สิทธิ์” เพื่อเรียกคืนความเชื่อมั่นให้ประชาชน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นอกจากสั่งการเองแล้ว ยังได้ลงพื้นที่บัญชาการด้วยตนเอง ซึ่งจากการตรวจสอบอย่างเข้มข้น พบความผิดปกติที่ซุกซ่อนอยู่ แม้โรงงานจะมีใบอนุญาต มอก. บางส่วน แต่กลับพบพฤติกรรม “มือถือสาก ปากถือศีล” ทั้งการขยายอาณาจักรเถื่อน แอบติดตั้งเครื่องจักรและขยายโรงงานโดยไม่ได้รับอนุญาต หวังฟันกำไรโดยไม่สนกฎกติกา, การทิ้งกากมักง่าย: ลักลอบนำวัสดุใช้แล้ว (เศษอิฐแตกหัก) ออกไปทิ้งนอกโรงงานโดยไม่ผ่านกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายปี 2566, การเมินเฉยต่อลมหายใจชาวบ้าน: ไร้เงาระบบขจัดฝุ่นละออง ปล่อยมลพิษฟุ้งกระจาย ซ้ำเติมปัญหาฝุ่น PM 2.5 สร้างความเดือดร้อนให้ชุมชนรอบข้าง

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้สั่งการทันทีผ่านสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำมาตรา 37 วรรคหนึ่ง แห่ง พ.ร บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 สั่งระงับการกระทำที่ฝ่าฝืนทั้งหมด พร้อมเดินหน้าดำเนินคดีอาญาทุกข้อหา ทั้งการขยายโรงงานเถื่อนและการทิ้งกากอุตสาหกรรม เพื่อเป็นเยี่ยงอย่างไม่ให้ใครกล้าทำผิดซ้ำ

 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ (1 ธ.ค.) คือคำประกาศสงครามกับผู้ประกอบการที่ไร้ความรับผิดชอบ ตนและเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายจะไม่ยอมให้ใครมาหากินบนความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน การบังคับใช้กฎหมายต้องเข้มข้น ไม่มีการลูบหน้าปะจมูก เพื่อยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมไทยให้ขาวสะอาด และทำให้ประชาชนศรัทธาว่า อุตสาหกรรมพึ่งพาได้จริง

 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังได้กำชับเด็ดขาดให้ติดตามผลการปรับปรุงอย่างใกล้ชิด หากโรงงานยังดื้อแพ่ง ไม่แก้ไขตามกำหนด จะต้องเจอกับมาตรการขั้นสูงสุดต่อไป