
16 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่า ในวันอังคารที่ 18 พ.ย.2568 จะมีการประชุม กกต. เพื่อเลือกประธานคณะกรรมการการเลือกตั้งคนใหม่แทน นายอิทธิพร บุญประคอง ที่พ้นจากตำแหน่งเพราะครบวาระเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
สำหรับการประชุมครั้งนี้ จะมี กกต.เข้าร่วมประชุมด้วย รวม 7 คน แยกเป็นสองกลุ่ม คือ กลุ่ม กกต.ที่ปฏิบัติหน้าที่ในปัจจุบันจำนวน 5 คนคือ
และอีกกลุ่มคือ สองว่าที่ กกต.ซึ่งได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมลับวุฒิสภาเมื่อ 20 ต.ค.ให้เข้าไปทำหน้าที่เป็นกกต. คือ นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เกษียณอายุราชการเมื่อปี 2563 กับ นายณรงค์ รักร้อย อดีตผวจ.สมุทรสาคร ที่เกษียณเมื่อปี 2566 และก่อนหน้านี้เคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีถึงสามปี คือช่วงปี 2561-2564 โดยจังหวัดอุทัยธานี เป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคภูมิใจไทยที่บ้านใหญ่ตระกูลไทยเศรษฐ์ ชนะการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 ยกจังหวัด
โดยทั้งเจ็ดคนจะต้องประชุมออกเสียงเพื่อเลือกประธานกกต.คนใหม่ จากนั้นทางสำนักงานกกต. จะแจ้งผลการประชุมให้ประธานวุฒิสภาทราบ เพื่อนำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ ที่จะรวมถึงการนำรายชื่อ นายอนันต์กับนายณรงค์ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯให้แต่งตั้งเป็นกกต.ใหม่ด้วยในคราวเดียวกัน
ทั้งนี้ กกต.ชุดปัจจุบันสองคนคือ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ ,นายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ จะครบวาระการเป็นกกต.ในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ ซึ่งสามารถเข้าร่วมประชุมกกต.เพื่อเลือกประธานกกต.คนใหม่ได้ แต่ไม่สามารถเป็นแคนดิเดตชิงประธานกกต.ได้
มีรายงานว่า ขณะนี้ การชิงตำแหน่งประธานกกต.เป็นไปอย่างเข้มข้น โดยมีการเช็คเสียง-เช็คกระแสด้วยกันเองของกกต.ปัจจุบันห้าคนและว่าที่กกต.ใหม่อีกสองคน เพื่อหยั่งเสียงในการชิงตำแหน่งประธานกกต.คนใหม่ เพราะมั่นใจว่าด้วยประสบการณ์การเป็นอดีตผู้พิพากษามาตลอดชีวิต จึงมีความแม่นยำในข้อกฎหมายที่จะเป็นประโยชน์ต่อการทำหน้าที่ประธานกกต.
โดยเฉพาะเคยเป็นอดีตประธานแผนกคดีเลือกตั้งในศาลฎีกาที่ตรงกับสายงานกกต. อีกทั้งก็เป็นกกต.มาได้ระยะหนึ่งถือว่ามีประสบการณ์ จึงถือเป็นจุดแข็ง ที่น่าจะทำให้สามารถเข้าไปเป็นประธานกกต.คนใหม่ได้ โดยเฉพาะหากเทียบกับคู่เทียบที่มีข่าวว่าจะเข้ามาเป็นแคนดิเดตชิงประธานกกต.คนใหม่เช่นกันคือ นายณรงค์ รักร้อย อดีตผวจ.สมุทรสาคร และอุทัยธานี ซึ่งยังไม่ได้เข้าไปเป็นกกต.แม้แต่วันเดียว จึงยังไม่มีประสบการณ์ในงาน กกต.มาก่อน
อีกทั้ง ก็ถูกสังคมจับตามองอย่างมาก หลังมีข่าวว่า กลุ่มการเมืองขั้วสีน้ำเงินสนับสนุนให้ลงชิงประธานกกต.คนใหม่
“ข่าวที่ออกมา ทางฝ่ายสนับสนุนกลุ่มกกต.ปัจจุบันให้เป็นประธาน กกต.เช่น ฝ่ายสนับสนุนนายสิทธิโชติ มองว่า หากนายณรงค์ อดีตผู้ว่าฯ ลงชิงตำแหน่งจริงๆ แล้วเกิดได้เป็นประธาน กกต.ขึ้นมา ทั้งที่ยังไม่ได้เข้าไปทำงานแม้แต่วันเดียว จะทำให้การทำหน้าที่ของกกต. โดยเฉพาะในเรื่องการเตรียมลงมติผลการสืบสวนสอบสวน คดีการเลือกสว.หรือคดีฮั้วสว. จะถูกสังคมจับตามองอย่างมาก รวมถึงการทำหน้าที่ของกกต.ในการบริหารจัดการและการดูแลการเลือกตั้งใหญ่ส.ส.ในช่วงม.ค.-มี.ค. 2569 ที่นายกรัฐมนตรีประกาศจะยุบสภาฯไม่เกินม.ค. 2569 เพราะที่ผ่านมา นับแต่มีชื่อนายณรงค์ ลงสมัครเป็นกกต. ก็ถูกวิจารณ์ถึงความสัมพันธ์กับกลุ่มบ้านใหญ่” รายงานข่าว. ระบุ
นอกจากนี้. ก็ยังมีข่าวอีกทางว่า นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ กกต.ที่เพิ่งเข้าปฏิบัติหน้าที่เมื่อกลางปีที่ผ่านมา ซึ่งมาจากสายอดีตตุลาการ เคยผ่านตำแหน่งสำคัญในวงการศาลมามากมายเช่น อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลล้มละลายกลาง อดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ก็อยู่ระหว่างการตัดสินใจว่าจะลงสมัครชิงตำแหน่งประธานกกต.คนใหม่หรือไม่ โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนภายในต้นสัปดาห์นี้
ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า นายณรงค์ จะหลีกทางให้นายสิทธิโชติเพราะเป็นอดีตผู้พิพากษาด้วยกันเอง ไม่อยากลงแข่งชิงประธานกกต.ด้วยกันเอง เพื่อจะได้ไม่เป็นการไปตัดคะแนนกันเอง ไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เพราะทั้งสองคนไม่ได้มีความสนิทอะไรกัน แม้จะมาจากสายศาลยุติธรรมด้วยกัน แต่นายณรงค์ อยู่ระหว่างการตัดสินใจขั้นสุดท้าย
“จนถึงขณะนี้ ในตึกสำนักงาน กกต.และแวดวงการเมือง จับตามองการเลือกประธานกกต.คนใหม่รอบนี้อย่างมาก โดยในส่วนของกกต.ชุดปัจจุบันที่จะเหลือสามคน คือนายสิทธิโชติ นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ นายชาย นครชัย ค่อนข้างเห็นไปในแนวเดียวกันว่า ประธานกกต.คนใหม่ควรต้องเป็นคนที่อยู่มาก่อน เคยทำงานกกต.มาได้สักระยะหนึ่งแล้ว แต่ก็พร้อมยอมรับหากว่าทางว่าที่กกต.ใหม่สองคน จะมีใครคนใดคนหนึ่งลงชิงประธานกกต.คนใหม่ด้วย ตามที่มีกระแสข่าวออกมา
อย่างไรก็ตาม ก็ต้องดูว่าขั้วการเมืองสีน้ำเงิน ที่กำลังมีอำนาจในเวลานี้ จะกล้าเสี่ยงสนับสนุนบุคคลบางชื่อตามที่มีกระแสข่าวจริงหรือไม่ เพราะหากดันเข้ามา จะทำให้ฝ่ายขั้วสีน้ำเงินตกเป็นเป้า ว่าจะเข้าไปยึดองค์กรอิสระ จะไม่เป็นผลดีกับขั้วการเมืองสีน้ำเงินเอง เพราะก็มีคดีฮั้วสว. ที่มีการเรียกสว.สีน้ำเงินนับร้อยเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาและรวมถึงแกนนำพรรคภูมิใจไทยหลายคน
อีกทั้งต้นปีหน้า ก็จะมีการยุบสภา มีการเลือกตั้งใหญ่ ที่กกต.จะมีบทบาทมากในการดูแลการเลือกตั้ง การให้ใบเหลืองใบแดง การรับรองการเป็นส.ส. หากถ้าประธานกกต.คนใหม่ถูกมองว่า สายสีน้ำเงินดันเข้าไปโดยที่ยังไม่เคยได้เข้าไปทำงานเลย ก็จะยิ่งทำให้ฝ่ายสีน้ำเงินตกเป็นเป้า
จึงต้องดูว่าสุดท้าย พอถึงวันอังคารนี้ กลุ่มสีน้ำเงินจะเปลี่ยนใจ และให้กกต.ปัจจุบันสามคน คนใดคนหนึ่งเข้าไปเป็นประธานกกต.คนใหม่จะดีกว่า เพื่อลดเสียงวิพากษ์วิจารณ์หรือไม่ ก็เหมือนกับการที่ ขั้วสีน้ำเงิน ก็ยังยอมให้ นายบุญส่ง น้อยโสภณ ได้เป็นรองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ทั้งที่นายบุญส่งไม่ใช่สว.สายสีน้ำเงิน แต่ก็ต้องเปิดทางให้เพื่อไม่ให้เกิดภาพว่า สีน้ำเงินยึดสภาสูงทั้งหมด
เพราะต้องไม่ลืมว่า กำลังจะมีการเลือกกกต.ใหม่อีกสองคน มาแทน นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ และนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ สองกกต.ที่จะหมดวาระในเดือนธันวาคมนี้แล้ว หากฝ่ายสีน้ำเงิน ดันคนของตัวเองเข้าไปได้อีกสองคน ก็เท่ากับคุมเสียงข้างมากในกกต. ไม่จำเป็นต้องดันคนเข้าไปเป็นประธานกกต.คนใหม่ให้ฝ่ายตัวเองตกเป็นเป้า”รายงานข่าวจากสำนักงาน กกต.ระบุ
มีกระแสข่าวด้วยว่า จนถึงขณะนี้ หากสุดท้าย นายณรงค์ อดีตผวจ.อุทัยธานี ลงสมัครชิงประธานกกต.คนใหม่ จากการประเมินเช็คเสียงคาดว่าตอนนี้ มีเสียงที่อาจสนับสนุนด้วยกันสี่เสียง คือนายณรงค์เอง นายอนันต์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ และนายฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ
ขณะที่เสียงที่อาจสนับสนุนสายสิทธิโชติ จนถึงตอนนี้มีสามเสียงคือนายสิทธิโชติ นายณรงค์ กลั่นวารินทร์ และนายชาย นครชัย อดีตผู้ตรวจราชการกระทรวงวัฒนธรรม
อย่างไรก็ตาม ตัวแปรที่จะมีผลต่อการลงมติ คือนาย ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ เพราะหากสุดท้าย ถ้าเห็นว่า ประธานกกต.ควรเป็นคนที่เป็นกกต.อยู่ในปัจจุบัน แล้วไปสนับสนุน นายสิทธิโชติหรือนายณรงค์ กลั่นวารินทร์ ก็จะทำให้ฝั่งของกกต.ปัจจุบัน ก็จะมีเป็นสี่เสียง ที่ต้องดูการเจรจาต่อรองกันในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนการประชุม กกต.วันอังคารนี้
สำหรับงานสำคัญที่รอกกต.ให้เข้าไปดูแลรับผิดชอบหลักๆ ก็คือ การควบคุมดูแลการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.ในปีหน้า โดยในการเลือกตั้งก็จะมีการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยและเสร็จจากการเลือกตั้ง ในปีหน้า ก็ยังต้องดูแลจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร และตามด้วยการเลือกตั้ง อบต.ทั่วประเทศ และอีกเรื่องที่สำคัญคือ เรื่องคดีฮั้วสว.ที่หลายคนกำลังเฝ้าติดตามว่าสุดท้ายคดีฮั้วสว.จะจบอย่างไรในชั้นกกต. จะมีการสอยและเอาผิด สว.สีน้ำเงินร้อยกว่าคนรวมถึงแกนนำพรรคการเมืองบางพรรคหรือไม่