svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“บิ๊กเต่า” ฟาด “บิ๊กโจ๊ก” พูดแรงเกิน! ลั่น ตร.ไม่ใช่องค์กรอาชญากรรม

“บิ๊กเต่า” ฟาด “บิ๊กโจ๊ก” พูดแรงเกิน! ลั่น ตร.ไม่ใช่องค์กรอาชญากรรม – ซัดเนรคุณเผาบ้านตัวเอง เตือน “อัจฉริยะ” อย่าเข้าใกล้ เดี๋ยวโดดเดี่ยว

13 พฤศจิกายน 2568 พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.หรือ บิ๊กเต่า กล่าวถึงประเด็นที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือ บิ๊กโจ๊ก อดีต รองผบ.ตร. มองสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติว่า ตนและ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง จตช. และ พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบช.สอท. ได้ทำการสืบสวนข้อเท็จจริง เกี่ยวกับคดีของมินนี่ และพบหลักฐานข้อเท็จจริง ในการดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหา จากการที่ได้สืบสวนและส่งคดีไปที่ ป.ป.ช. ไม่ว่าจะเป็นคดีของ ผบ.ตร. ณ ขณะนั้น และคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า ทำคดีแบบตรงไปตรงมา ไม่ได้รังแกใคร และช่วยเหลือใครทั้ง ผบ.ตร. รองผบ.ตร.และชุดทำงานทำไปตามข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน
 

การที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์  ออกมาฟาดงวงฟาดงา กล่าวหาว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นองค์กรอาชญากรรม การพูดคำนี้มันรุนแรงเกินไป ตนในฐานะส่วนหนึ่งที่ทำงานเรื่องนี้ ถือว่าได้รับความเสียหายด้วย เพราะการที่เขาออกมาพูดแบบนี้ทำให้องค์กรขาดความเชื่อมั่น จากประชาชน
 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก.หรือ บิ๊กเต่า 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า บ้านเมืองอยู่กันด้วยกฎหมาย อยู่ด้วยระบบ บางสิ่งบางอย่าง ต้องยอมรับว่า องค์กรตำรวจมีทั้งคนดีและคนไม่ดี คนไม่ดีไม่ใช่ว่าไม่ดำเนินการหรือจัดการ ถ้ามีหลักฐานก็ว่ากันด้วยพยานหลักฐาน ก็พร้อมดำเนินคดี บางคนก็เห็นอยู่ว่ายังลอยนวล แต่เบื้องลึกเบื้องหลังก็มี คนที่น่าจะไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ แต่เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐาน ก็ต้องยอมรับ แต่พวกเราตำรวจไม่ว่าจะเป็น ผบ.ตร. หรือผู้บัญชาการ ก็ต้องการกวาดบ้านของตัวเองอยู่แล้ว ใน 1 ปีเราได้เอาตำรวจออกไปจากระบบ 3-4 ร้อยคน และตั้งคณะกรรมการไปเป็นพันคน และเชื่อว่าทุกองค์กร มีทั้งคนดีและไม่ดี การที่กล่าวหาถือว่าเป็นคำที่รุนแรงเกินไป
 

"อยากฝากเตือนไปถึง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พวกเราเป็นตำรวจด้วยกัน ทำงานมารู้อยู่ว่า สิ่งใดที่ควรพูดสิ่งใดไม่ควรพูด ถ้าท่านไม่พอใจ หรือเห็นอะไรไม่เป็นธรรม ก็ไม่ควรไปยุ่งกับองค์กร ท่านควรที่จะมากล่าวหาพวกตนหรือชุดทำงาน เพราะองค์กรไม่เกี่ยว องค์กรก็เปรียบเสมือนบ้าน เรามีปัญหาฟ้องร้องกัน ก็ต้องดำเนินการกับพวกตน ไม่เกี่ยวกับองค์กร เพราะการกล่าวหาองค์กร ก็เหมือนกันเผาบ้านของตัวเอง

คุณเนรคุณกับองค์กรตัวเอง เพราะฉะนั้นองค์กรไม่เกี่ยวข้อง เพราะองค์กรเป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางระบบ จะลากองค์กรเข้ามาเกี่ยวข้อง มันรุนแรงเกินไป" 

 

“บิ๊กเต่า” ฟาด “บิ๊กโจ๊ก” พูดแรงเกิน! ลั่น ตร.ไม่ใช่องค์กรอาชญากรรม

"บิ๊กเต่า" ยังฝากไปถึง นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมว่า
 

แม้ตนกับนายอัจฉริยะ จะมีความสัมพันธ์อันดี แต่การเข้าไปยุ่งกับผู้ต้องหา ที่กำลังจะถูกดำเนินคดี เดี๋ยววันหนึ่งเมื่อถึงเวลา และมีการชี้มูล เมื่อศาลพิพากษา ท่านจะโดดเดี่ยว "ตนไม่ทราบว่า หากวันหนึ่ง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดนดำเนินคดี จะยังอยู่ประเทศไทยหรือเปล่า หรือจะไปอยู่ต่างประเทศตนก็ไม่ทราบ แต่ขอทายว่าท่านไม่น่าอยู่ในประเทศไทย
 

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม

วันนี้คุณอาจจะยังฟาดงวงฟาดงากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ แต่ก็หนีข้อเท็จจริง หนีระบบไม่ได้ คุณเล่นกับระบบ ระบบนี้คือการตรวจสอบ คือกฎหมาย เพราะฉะนั้น ตนเชื่อว่า จากการที่ได้ทำงานได้พบเห็นพยานหลักฐาน หลายคดีที่เกี่ยวข้องกับคุณ คุณหนีมันไม่ได้ แต่ในส่วนตำรวจที่กระทำความผิด ที่ท่านมีข้อมูล ท่านเอามาให้กับ ผบ.ตร. หรือเอามาให้กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือที่ไหนก็ได้ หากท่านไม่เชื่อคนไหน ก็เอามาให้ที่นี่ก็ได้ มาให้กับตนก็ได้ ตนพร้อมดำเนินการให้อย่างตรงไปตรงมาไม่ช่วยเหลือใคร ในส่วนของตนที่ถูกปรามาสว่า ไม่ดำเนินการกับอดีตบิ๊ก ผบ.ตร. ความจริงแล้วเรื่องนี้ได้ชี้แจงไปว่า เราพบข้อมูลข้อเท็จจริง ที่ทนายตั้มนำมาร้องและพบว่ามีความผิด ก็เอาเรื่องนี้ส่งไปให้กับ ป.ป.ช. และ ป.ปช.ก็ไม่ได้ส่งกลับมา เพราะถ้าส่งกลับมาเราก็พร้อมดำเนินคดี

เมื่อถามว่า การที่ออกมาพูดแบบนี้เป็นเหมือนกันปาระเบิดใส่สำนักงานตำรวจแห่งชาติหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ด้วยฐานะที่ตนเป็นข้าราชการตำรวจนายหนึ่ง ฟังแล้วก็ไม่สบายใจ มีหลายคนอยากมาถาม แต่ตรงนี้ก็เหมือนเป็นการเผาบ้านตัวเองทำลายองค์กร ด้วยสุภาพชน และผู้มีจิตใจที่ปกติ มีแต่ใจที่รู้ดี รู้ชั่วไม่ควรจะทำ
 

ตนว่า "เขาจนตรอกหรือเปล่า" ถึงได้ออกมาฟัด ไม่ว่าจะเป็นผู้มีพระคุณหรือศัตรู ใครเดินเข้ามาก็ฟัดหมด มันเป็นเพราะเวลาเขาใกล้หมดแล้วหรือเปล่า"
 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ เชื่อว่า นายอัจฉริยะที่เข้ามาใกล้ๆ เดี๋ยวคนนั้นก็มีปัญหาเหมือนกับทนายตั้ม ที่เข้าไปเพียงครู่เดียวก็โดนดำเนินคดีและติดคุกเลย เพราะฉะนั้น พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เหมือนพยายามหาคนที่จะมาพูดเรื่องนี้ แต่หลายคนเขาส่งข้อมูลไป เขาไม่อยากจะยุ่งด้วย ก็เลยต้องเปิดตัวเอง และลากนายอัจฉริยะเข้ามาด้วย
 

"ด้วยความหวังดี คุณอัจฉริยะถ้าออกห่างได้ก็ออกห่าง ไม่งั้นวันหลังท่านจะโดดเดี่ยว และอีกท่านหนึ่งก็อาจจะไปที่อื่น"