
นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิด เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนที่ผ่านมาว่า ส่วนตัวในฐานะที่ตนติดตามเรื่องนี้มาตลอด และเคยระบุแล้วว่ากัมพูชาเชื่อถือไม่ได้ และตนเคยเสนอให้ยกเลิกทุกอย่าง ทั้งเวที JBC, GBC หรือ RBC เพราะกัมพูชาไม่มีความจริงใจ เมื่อกัมพูชาไม่มีความจริงใจ อย่างน้อยที่สุดก็ควรจะต่างฝ่ายต่างอยู่ และกั้นรั้วแบบถาวรไป โดยใช้แผนที่ 1/50,000 ยึดหลักเขตตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เพราะในหลักเขต จะมีสลักชื่ออยู่แล้วว่าเป็นแผ่นดินสยาม หรือกัมพูชา ดังนั้น สามารถสร้างกำแพงในหลักเขตของเรา และปิดด่านแบบถาวรไปได้เลย
นายสุรเดช เรีกยร้องให้กัมพูชาต้องแสดงความจริงใจก่อน โดยเฉพาะการถอนอาวุธหนัก ถอนกำลังทหารออกไปให้หมด ไม่ต้องรอการเจรจา ตอนนี้ไม่ต้องมาพูดแล้วว่า เป็นพื้นที่พิพาทหรือไม่ เพราะที่ผ่านมากัมพูชาละเมิดไทยมาตลอด ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องมาสนใจแล้ว
นายสุรเดช ยังเห็นว่า คนไทยที่เคยค้าขายกับกัมพูชาก็ต้องปรับตัว ไปหาตลาดอื่น เพราะถ้ากัมพูชามีความจริงใจจริง ก็ต้องชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นในช่วงที่มีการสู้รบกันก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล ที่จะต้องซ่อมให้ไทย หรือการชดเชยให้ประชาชนที่เสียชีวิต
"อย่างที่ผมเคยพูดไว้ กัมพูชาคบไม่ได้ และตราบใดที่รัฐบาลไทยพยายาม จะเอาน้ำเย็นเข้ารูป หรือยังพยายามที่จะใจดีสู้เสือ สักวันหนึ่งก็ต้องถูกเสือกัดตาย เราไปลูบหัวมัน ใจดีกับมัน แต่พอถึงเวลามันก็มาแว้งกัดเรา เพราะฉะนั้น เลิกเจรจา ยกเลิกทุกอย่างรวมไปถึง MOU 43 -44 ด้วย เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว MOU ที่เราทำมา 25 ปีเราได้ไปประโยชน์ตรงไหนบ้าง" รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เสนอ
รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ยังเห็นว่า ที่ผ่านมากระทรวงการต่างประเทศแอคชั่นได้ดีอยู่แล้ว ก็อยากให้ขยายผลต่อ ด้วยการบอกทั้งโลก บอกสหประชาชาติ ให้รับรู้ถึงพฤติกรรมของกัมพูชา ไม่ใช่บอกเฉพาะมาเลเซีย หรืออเมริกาที่เป็นประเทศที่ 3 เท่านั้น แต่ต้องแจ้งให้ทั้งประชาคมโลกได้รู้ว่า ไทยไม่ได้เป็นคนเริ่ม กัมพูชาต่างหาก ที่เป็นคนเริ่มตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน
นายสุรเดช ยังชื่นชมการตัดสินใจของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่ระบุว่า จะมอบอำนาจการตัดสินใจให้กับกองทัพ การดำเนินการใด ๆ ให้เป็นเรื่องของทหาร ซึ่งตนเห็นด้วย เพราะทหารมียุทธศาสตร์ในการดำเนินการอยู่แล้ว มีประสบการณ์ และมีความพร้อม รัฐบาลทำหน้าที่เป็นเพียงแค่พี่เลี้ยงให้ก็พอแล้ว ตนขอสนับสนุนให้เดินหน้าต่อไป