svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ขแมร์ ไทม์ส สื่อกัมพูชา กล่าวหานายกฯอนุทินร้องไห้ "น้ำตาจระเข้"

ขแมร์ ไทม์ส สื่อกัมพูชา พาดหัวว่า "น้ำตาจระเข้ : เมื่อผู้นำหลั่งน้ำตาเพื่อสงคราม ไม่ใช่สันติภาพ" จากเหตุการณ์ที่ “อนุทิน” ปาดน้ำตาเยี่ยมทหารเหยียบทุ่นระเบิด

12 พฤศจิกายน 2568 ขแมร์ ไทม์ส (KhmerTimes) สื่อกัมพูชา พาดหัวว่า น้ำตาจระเข้ : เมื่อผู้นำหลั่งน้ำตาเพื่อสงคราม ไม่ใช่สันติภาพ" (Crocodile Tears: When a Leader Weeps for War, Not Peace)

 

ตามด้วยเนื้อข่าวว่า เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทย หลั่งน้ำตาต่อหน้ากล้อง ขณะเยี่ยมทหารไทยที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเหยียบทุ่นระเบิดที่ชายแดนกัมพูชา-ไทย

 

ขแมร์ ไทม์ส สื่อกัมพูชา กล่าวหานายกฯอนุทินร้องไห้ "น้ำตาจระเข้"

 

รายงานอ้างว่า เป็นช่วงเวลาที่ "สะเทือนใจ" ที่เป็นการจัดฉากได้อย่างลงตัวออกสื่อ แต่เบื้องหลังน้ำตานั้น กลับซ่อนบางสิ่งที่เย็นชากว่านั้น นั่นคือสีหน้าอันเฉียบคมของผู้นำที่ใช้ความโศกเศร้าเป็นการโฆษณาชวนเชื่อ หากน้ำตาเหล่านั้น มีไว้เพื่อสันติภาพอย่างแท้จริง คงจะตามมาด้วยความเห็นอกเห็นใจ ความยับยั้งชั่งใจ และการเจรจา แต่กลับตามมาด้วยความโกรธแค้น การกล่าวหา และการต่อต้าน

ขแมร์ ไทม์ส สื่อกัมพูชา กล่าวหานายกฯอนุทินร้องไห้ "น้ำตาจระเข้"

 

รายงานระบุว่า ในวันเดียวกันนั้นเอง นายอนุทินได้ยืนต่อหน้าทหาร และประกาศว่า "สันติภาพสิ้นสุดลงแล้ว" โดยฉีกคำประกาศสันติภาพกัวลาลัมเปอร์ และให้คำมั่นว่าจะลงมือเพียงฝ่ายเดียวโดยไม่ปรึกษาหารือกับใคร นี่ไม่ใช่คำพูดของผู้สร้างสันติภาพ แต่เป็นคำพูดของนักประชานิยม ที่พยายามใช้อารมณ์เป็นอาวุธ เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง

 

 

ขแมร์ ไทม์ส สื่อกัมพูชา กล่าวหานายกฯอนุทินร้องไห้ "น้ำตาจระเข้"

 

นายกรัฐมนตรีไทยได้เลือกใช้ยุทธวิธีทางการเมืองที่เก่าแก่ที่สุด นั่นคือ การร้องไห้ต่อหน้าสาธารณชน แล้วสั่งการลับๆ เบื้องหลัง ซึ่งเป็นการปกปิดนโยบายการเผชิญหน้าที่ละเมิดหลักการกฎหมายระหว่างประเทศ และเอกภาพของอาเซียน การปฏิเสธข้อตกลงที่ผู้นำโลกร่วมเป็นสักขีพยาน รวมถึงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และประธานอาเซียน นายอนุทินได้ทำให้ประเทศไทยขัดแย้งโดยตรงกับระเบียบภูมิภาค ที่ปกป้องเสถียรภาพในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้