svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ตำรวจถูกกล่าวหา! บิ๊กต่ายพ้อ! คนนอกโจมตีเป็นองค์กรอาชญากรรม

ตำรวจถูกกล่าวหา! "บิ๊กต่าย" พ้อ! คนนอกโจมตี กล่าวหาเป็นศูนย์รวม “องค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่” ซัดเป็นเรื่องรุนแรง แต่ขอก้มหน้าทำงาน แก้สแกมเมอร์ พร้อมลงดาบไม่สนลูกใคร

6 พฤศจิกายน 2568 พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงนโยบายแนวทางในการปราบปรามสแกมเมอร์ โดยกล่าวออกตัวในช่วงต้นว่า สื่อมวลชนคงจับจ้องว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะพูดอะไร เนื่องจากเป็นหน่วยงานที่ถูกพุ่งเป้า เป็นหน่วยงานที่บังคับใช้กฎหมาย โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา จากที่นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศเป็นนโยบาย การหลอกลวงโดยใช้เทคโนโลยีเป็นภัยคุกคาม สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจ และความเป็นอยู่ของประชาชน กระทั่งยกระดับเป็นวาระแห่งชาติ และมีการลงนามความร่วมมือ 15 หน่วยงาน ตลอดเวลาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ทำงาน

พร้อมย้ำว่า ในฐานะผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ข้าราชการทุกคนมุ่งมั่น เหน็ดเหนื่อยทุ่มเทสรรพกำลังกาย ใจ รวมไปถึงความคิดในการช่วยกันทำงานใน 2 มิติ คือ คือเรื่องนอกประเทศ ตนอยากเรียนว่า เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทย ขอยืนยันว่า ไทยไม่มีอาณาจักรที่เป็นฐานที่ตั้งอยู่ต่างประเทศ แต่อยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งเรามีการประสานความร่วมมือกับตำรวจสากล สหประชาชาติ เกี่ยวกับการกระทำผิดที่เกี่ยวกับการหลอกลวง ทั้งสแกมเมอร์ คอลเซ็นเตอร์ และการค้ามนุษย์ ที่มีความสัมพันธ์กัน และมีการยกระดับความรุนแรงมากขึ้น

ประเทศไทยเป็นประเทศที่ต้องรองรับผู้หลบหนี และขอร้องให้นำตัวบุคคลเหล่านั้นกลับไปสอบสวน ซึ่งได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดี ในการประสานงานกับต่างประเทศ แต่ขึ้นอยู่กับว่าประเทศเหล่านั้นจะให้ความร่วมมือกับเรามากน้อยเพียงใด 

 พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ ระบุอีกว่า จากการประชุมตำรวจอาเซียนตั้งแต่วันที่ 4 พฤศจิกายน จนถึงปัจจุบัน มีการแลกเปลี่ยนข้อมูล มีการพูดคุยถึงวิธีการคัดแยกเหยื่อและผู้กระทำผิด พร้อมระบุว่าตั้งแต่ที่ทำงานในระหว่างประเทศ มีผลตอบรับเป็นอย่างดี แต่สิ่งต้องยอมรับมิติในประเทศ นั่นคือสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่แบ่งเป็นอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและปราบปราม ได้ยกระดับความสำคัญผ่านการเสริมสร้างวัคซีน เพราะหากเน้นแต่การปราบปราม แต่ถ้าไม่ใส่วัคซีนให้ประชาชน ก็จะถูกหลอกอยู่ยันค่ำ

เราต้องพูดกันด้วยความจริง การแก้ไขที่ต้นเหตุองค์กรอาชญากรรมที่เกิดขึ้น มีองค์ประกอบการกระทำความผิดก็คือคน รวมถึงสาย เสา ที่สามารถส่งสัญญาณผ่านสายไฟเบอร์ออปติก โดยมีการสั่งสำรวจเสาที่จะมีการปล่อยสัญญาณอินเทอร์เน็ต ไปยังต่างประเทศ ต้องทำลายทั้งหมดไม่ต้องสนใครทั้งนั้น ถือเป็นการทำลายแขนขา หากทำได้ตนก็มั่นใจว่าจะสามารถแก้ไขปัญหานี้

ขณะเดียวกัน ยังสั่งให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง  (ตม.) คัดแยกผู้ที่เข้าออกในกลุ่มที่ผิดปกติ ตนอยากถามว่า มีใครทำเหมือนตนหรือไม่ ก่อนที่จะตั้งทีมชุดปฏิบัติการสืบสวน ซึ่งตนจะเป็นผู้กำกับดูแลเอง ซึ่งเมื่อได้ข้อมูลของคนก็จะสามารถตัดวงจรของกระบวนการได้

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ  ยังระบุว่า ในทุกองค์กรมีทั้งคนดีและคนไม่ดี ตำรวจที่ไม่ดี ขอยืนยันต่อสื่อมวลชนและทุกคนว่า  ถ้าปรากฏข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือผู้ใด จะดำเนินคดีอย่างเด็ดขาด ไม่มีการช่วยเหลืออย่างแน่นอน ถือเป็นไปตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นเรื่องที่บั่นทอนความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างยิ่ง
 

“ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราถูกพายุโหมกระหน่ำ โจมตีเรื่องภาพลักษณ์ ที่ถูกกล่าวหาจากบุคคลภายนอก ผมขอย้ำว่า จากบุคคลภายนอกที่กล่าวหาว่า ตำรวจเป็นองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ในประเทศไทย ขีดเส้นใต้​ องค์กร นั่นหมายความว่า เป็นการกล่าวหาตำรวจทั้งประเทศ เป็นการกล่าวหาสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่รุนแรงมาก รู้สึกอย่างไรครับ เจ็บปวดครับ ผมอดทน ตั้งสติ และทำงานมาจากการถูกโจมตีมาโดยตลอด
 

การกล่าวหาอย่างรุนแรงเช่นนี้ ผมเชื่อว่าตำรวจทั้งประเทศรับไม่ได้ จะกล่าวหากันอย่างไร ก็ว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้คำมั่นสัญญากับท่านนายกรัฐมนตรี ว่าจะมุ่งมั่นทำงาน ก้มหน้าก้มตาและจะปฏิบัติตามบันทึกความเข้าใจนี้ ให้บังเกิดผลตามนโยบายของรัฐบาล และความตั้งใจของนายกรัฐมนตรีอย่างแน่นอน”

 

ฝากถึงอดีตคนบ้านบ้านปทุมวัน​ อย่าทำร้ายบ้านตัวเอง​ 
 

พลตำรวจเอก ​กิตติ์รัฐ ยังปฏิเสธตอบ ถึงกรณีที่ตนกล่าวว่า "องค์กรตำรวจ" ถูกโจมตีจากคนนอกว่า เป็นศูนย์รวมอาชญากรรมขนาดใหญ่​ หมายถึง กรณีที่ พลตำรวจเอก สุรเชชษฐ์​ หักพาล​ อดีตรอง ผบ.ตร.หรือไม่​ โดยระบุว่า ​“ไม่ขอตอบอะไรดีกว่า​”

เมื่อถามต่อว่า แต่ พลตำรวจเอกสุรเชชษฐ์ ออกมาแฉรายวัน​ เหมือนกับเป็นการแค้นส่วนตัวภายในองค์กรตำรวจหรือไม่ ผบ.ตร. หัวเราะก่อนกล่าวต่อว่า ตนไม่ขอเอ่ยชื่อใคร​ ส่วนจะแค้นหรือไม่แค้น​ มีอะไรที่จะพูดรายวันก็พูดไป​ พวกเราเป็นตำรวจมีหน้าที่ก้มหน้าก้มตาทำงานดีกว่า

เมื่อถามถึงกรณีที่มีอดีตนายตำรวจ บางคนไม่พอใจและไปยื่นหนังสือ เพราะมองว่าการออกมาแชร์ข้อมูลในลักษณะนี้เป็นการทำลายองค์กรตำรวจ ผบ.ตร.กล่าวว่า อย่างที่ตนบอก บางประโยคหรือคำพูดที่ออกมาต้องรับผิดชอบ เพราะอาจจะกระทบกับความรู้สึกในจิตใจของข้าราชการตำรวจที่รับราชการอยู่ หรือนอกราชการอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นสิทธิของแต่ละคนที่จะแสดงความคิดเห็น หรือแสดงสิทธิตามกฎหมาย ตนมีหน้าที่จะต้องอดทน ขอก้มหน้าก้มตาทำงานดีกว่า

ส่วนการที่องค์กรตำรวจถูกโจมตีเช่นนี้ จะมีการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือไม่ เพื่อทำให้เป็นตัวอย่างเพื่อให้เป็นกรณีตัวอย่าง ผบ.ตร.ระบุว่า เรื่องนี้ตนขอไปพิจารณา แต่จริงๆ แล้วคิดว่า อยากให้แต่ละคน ได้มีหิริโอตัปปะ มีธรรมะของตัวเอง พวกตนเป็นตำรวจ คนที่ทำงานที่ดีก็มี เรามีหน้าที่ทำงานเพื่อประชาชน เสียงสะท้อนต่างๆ มีจากทั้งฝั่งสนับสนุนและจากอีกฝั่ง แต่ตนไม่ต้องการแฟนคลับต้องการทำงาน และไม่ต้องการมายืนแบบนี้ด้วย แต่อยากให้ตำรวจทุกนายทำงาน มุ่งมั่นแก้ไขปัญหา เรื่องสแกมเมอร์และคอลเซ็นเตอร์​ที่หลอกลวง ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ ทำหน้าที่ป้องกัน​ ปราบปราม​ สืบสวนสอบสวน​ ช่วยเหลือ​
 

แต่ใครที่แอบแฝงอยู่ วงการของเรา ขอให้ออกมา​ ตนเอาเรื่องทั้งหมด​ แต่ตอนนี้คนที่ทำงานจะรู้สึกอย่างไร เขาทำงานเสียสละเป็นสโตรกจนล้ม​ นอนติดเตียง​ บางคนไปทำงานรบต่อสู้พิการขาขาด ก่อนตั้งคำถามย้อนกลับว่า คนเหล่านั้นเป็นสแกมเมอร์หรือ ตนมองว่าไม่เป็นธรรมกับคนที่เป็นตำรวจดี ผ่านมาคนไม่ดีก็ขอหลักฐานมา​ ตนก็ดำเนินการตามกฎหมาย​ได้​  คนทำผิดก็มีความชัดเจนแล้วในหลายกรณี ทั้งให้ออกจากราชการ​ เอาผิดอาญา​ และเอาผิดทางวินัย​
 

ตนคิดว่าเรื่องนี้ขอถือความสงบในใจเป็นหลัก ยิ่งนายกรัฐมนตรีได้เปิดเวทีบันทึกความเข้าใจ ตนก็รู้สึกดีใจอย่างมาก เพราะเวลาเราทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการป้องกันปราบปราม สืบสวนสอบสวน เรามีความจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆ ต้องประสานจับมือให้แน่น ซึ่งการป้องกันที่นายกรัฐมนตรีได้บอกว่า เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อ และต้องตรวจสอบ ก่อนการโอนเงินในบัญชีธนาคารออนไลน์
 

ผบ.ตร.​ ยังฝากไปถึงคนนอกที่อยู่ในบ้านปทุมวัน​ ว่า​
 

นี่คือบ้านเรา นี่คือสิ่งที่เคยให้ที่พำนัก ให้ที่อยู่ให้ที่กิน ให้เงินเดือน ให้อาชีพเรา ตนเองก็เติบโตมาจากครอบครัวเล็กๆ พ่อเป็นตำรวจ ยิ่งพ่อเป็นตำรวจ เราต้องเข้าใจตำรวจ เราจะพูดอะไรหรือคิดอะไร ต้องเข้าใจพื้นฐานตำรวจ เป็นสถาบันเป็นองค์กรที่ฝึกฝนเรามา ตนเติบโตมาจากครอบครัวที่เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีความเมตตากตัญญู และตนเติบโตมาจากโรงเรียนเตรียมทหาร ที่สอนให้ตนมีวินัยซื่อสัตย์รักชาติ รักสถาบัน และมีความเป็นทหารอยู่ในตัว และตนได้ถูกฝึกอบรมจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจ วินัยตำรวจวินัยทหาร อุดมคติของตำรวจ ปลูกฝังอยู่ในความคิดของตน และความคิดของตนคือประชาชน สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้อะไรกับเราจนเกษียณ เราพ้นราชการไปให้สวัสดิการเราอย่างไร
 

เราต้องสำนึกต่อบุญคุณที่องค์กรนี้ให้มา การกล่าวหาต่อองค์กร เป็นเรื่องที่ร้ายแรงและรุนแรง กระทบต่อความรู้สึกและจิตใจของตำรวจทั้งประเทศ ตำรวจท่านใดจะแสดงความคิดเห็นเช่นไร ในการรับราชการอยู่ต่อ ก็ว่าเป็นเรื่องส่วนตัว แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก็ต้องมีการหารือกันว่า เรื่องนี้จะกระทบและมีการดำเนินการตามกฎหมาย หรือไม่อย่างไร คงต้องหารือกันก่อน แต่ขอเรียนว่า ไม่ว่าจะเป็นคำพูด ความเห็นตำหนิ เปิดเผย เรารับมาทั้งหมด และจะปรับปรุงตัวเอง เพื่อเดินหน้า ทำงานให้เกิดความสำเร็จ ในภัยคุกคามที่เกิดขึ้นนี้ให้ได้ ส่วนอะไรที่รุนแรงไป มันเป็นคำพูด คนพูดก็ต้องรับผิดชอบ ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น


ตำรวจถูกกล่าวหา! บิ๊กต่ายพ้อ! คนนอกโจมตีเป็นองค์กรอาชญากรรม