svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"อนุทิน" แจงปม ลงนาม "แร่แรร์เอิร์ธ" ไทยไม่เสียหาย ลั่น "ต้องเป็นคู่ค้า ไม่ใช่ขี้ข้า"

"อนุทิน" แจงปม ลงนาม "แร่แรร์เอิร์ธ" ไทยไม่เสียหาย ลั่น "ต้องเป็นคู่ค้า ไม่ใช่ขี้ข้า" ชี้เมิน "ฮุนเซน" โพสต์ไม่สลด "ปิดด่าน 500 ปี กัมพูชาก็ไม่ตาย" เตือนอย่าคิดรุกราน

กรณีที่ "ฮุนเซน" ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์เฟซบุ๊กว่า ไม่เคยขอให้ใครเปิดด่าน จะปิด 100 ปี หรือ 500 ปี ก็เป็นเรื่องของไทย ไม่ทำให้กัมพูชาตาย 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ฮุนเซน บอกว่า กัมพูชาไม่ได้อ่อนข้อในการไปลงนามในคำประกาศที่จะนำไปสู่การสร้างสันติภาพ ระหว่างไทยและกัมพูชานั้น 

นายอนุทิน ตอบยิ้ม และพยักหน้า

 


ส่วนท่าทีแข็งกร้าวของ ฮุนเซน จะกระทบต่อการสร้างสันติภาพชายแดนไทยกัมพูชาหรือไม่ 

นายอนุทิน ตอบย้ำว่า ยังไม่ได้อ่าน

 

 

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า มองอย่างไรที่ผู้นำของกัมพูชา มักจะโพสต์ข้อความผ่านโลกโซเชียล ซึ่งอาจถูกมองว่า เราเป็นฝ่ายตามหลังเขาตลอด 

นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนก็มีสไตล์การทำงานของเขา ใครบอกตาม ขอให้ไปอ่าน Joint declaration (ปฏิญญา เพื่อนำไปสู่สันติภาพไทย - กัมพูชา) มีตรงไหนที่ตาม

 

ลงนามปฏิญญา ไทย-กัมพูชา ต้องการหยุดสงครามให้ประเทศสงบสุข ยันไทยไม่เสียอธิปไตย-ดินแดน เตือนกัมพูชาอย่าคิดรุกราน ย้ำเปิดด่าน ต้องฟังเสียงประชาชน 

 

 

 

ส่วนเรื่องการลงนามร่วมกับผู้นำกัมพูชา โดยมีผู้นำมาเลเซียและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สังเกตการณ์ถือว่าเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อนการลงนามนั้นมีความหมายอย่างไรต่อประเทศไทย และนโยบายที่เป็นรูปธรรมที่จะแก้ไขปัญหาตรงนี้คืออะไร

นายอนุทิน ตอบว่า เรื่องนี้นานาจิตตังต่างคนต่างความคิด แต่ตนอยากใช้โอกาสในเวทีนี้ฝากไปถึงประชาชนการที่ประเทศไทยได้ลงนามในปฏิญญา( joint declaration) วัตถุประสงค์ที่ตนเต็มใจไปเซ็นลงนามและตัดสินใจว่าถึงเวลาอันสมควรที่จะต้องลงนามคือเพื่อหยุดสงคราม 

 

ตนเป็นนายกรัฐมนตรีนำประเทศไปให้มีสงครามไม่ได้หน้าที่ของนายกรัฐมนตรีคือต้องทำให้ประเทศมีความสงบสุข หลายประเทศสงครามคือสิ่งหอมหวาน ถ้าเป็นผู้นำและนำประเทศเข้าสู่สงครามบางทีก็ได้รับความนิยมด้วยแต่ตนคิดว่าสำหรับประเทศไทย เราอย่ามีสงครามดีกว่า เพราะเป็นประเทศที่เป็นตัวของเราเองมีเอกราชของเรามาโดยตลอด ซึ่งเป็นที่น่าเกรงขามของอริราชศัตรูทั้งหลายอยู่แล้ว 

 

ตนไปลงนามเพื่อไม่ให้เกิดสงคราม และมั่นใจได้เลยว่าประเทศไทยจะไม่มีวันเสียดินแดน ไม่มีวันเสียอธิปไตย เพราะในปฏิญญาเขียนชัดเจนว่าอะไรที่เป็นของใครก็เป็นของใคร ไม่มีจุดไหนที่บอกว่าเรายอมแลกพื้นที่ตรงนั้นตรงนี้เพื่อวัตถุประสงค์ใด ตนไปเพื่อทำให้เกิดความปลอดภัย ในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน 

 

และไปเพื่อให้เขาเห็นว่าอย่าได้คิดอย่ารุกรานประเทศไทย คุณจะคิดผิดมากถ้าคิดว่าประเทศไทยรุกรานได้ และตนก็มั่นใจว่าข้อความของตนใน 4 ข้อนี้ ได้ถูกส่งไปยังคู่กรณีด้วยความชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง มีประธานกลุ่มสมาชิกอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยาน และประธานาธิบดีสหรัฐถือเป็นตัวแทนประชาคมโลกร่วมเป็นพยาน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความมั่นใจได้เลยว่าประเทศไทยจะไม่มีสงคราม ถ้าทุกอย่างถูกปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลงที่ได้ตกลงกันไว้

 

 


เมื่อถามว่าหากมองไปในข้อตกลงดังกล่าวสิ่งที่จะเกิดขึ้นข้างหน้าผลลัพธ์ที่จะเป็นรูปธรรมอย่างเช่นการทำประชามติ MOU 43- 44 ที่จะเกิดขึ้น มองเป้าหมายเรื่องนี้อย่างไร  

นายอนุทิน ระบุว่า มันคนละเรื่องกันเรื่องปฏิญญา เป็นเรื่องการยุติ มันไม่ใช่สัญญาสันติภาพสัญญาสงบศึก แต่เป็นประตูแรกที่จะนำไปสู่สันติภาพ ซึ่งยังไงก็ควรจะต้องมีสันติภาพในวันหนึ่ง เพราะเราอยู่ตรงกลาง เรามีความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้านทุกประเทศ และไม่อยากมีช่องว่างเพื่อให้วงกลมนั้นครบ ถ้าวงกลมมันขาดก็ทำให้เราขับเคลื่อนสิ่งที่เกิดประโยชน์สูงสุดประเทศไม่ได้ หากยังสู้รบกัน 


ขณะที่การค้าขายชายแดน ตนเข้าใจและฟังพี่น้องประชาชนเสมอ แต่ต้องหาทางแก้ปัญหาให้เขาด้วย มูลค่าการค้าขายชายแดนไทยกัมพูชาต่อปีถึง 170,000 ล้านบาท ประเทศไทยขายให้กัมพูชา 140,000 ล้านบาท เราซื้อกัมพูชาแค่ 30,000 ล้านบาท เราเสียหายมากกว่า

แต่หากว่าไปบอกว่าเราเสียหายมากกว่าจะยอมตรงนั้น ตนก็ไม่ยอมแต่เราฟังเสียงประชาชน เราจะต้องไม่เป็นเบี้ยล่างคู่กรณีหรือศัตรูแต่ก็คิดว่าเราจะอยู่อย่างนี้อีก 10-20 ปีหรือ 30 ปีได้หรือไม่เพื่ออะไร

ถ้ามีช่องทางอื่นที่ทำให้เราตอบได้ว่าเราไม่ได้เสียหายอะไรเลย ทุกอย่างฝ่ายคู่กรณีต้องปฏิบัติไม่มีอะไรที่ฝ่ายไทยต้องปฏิบัติตนจะคิดว่าสิ่งเหล่านี้แฟร์ดี ที่จะนำไปสู่หนทางการพัฒนาฟื้นฟู สิ่งที่เราได้เสียหาย ให้กลับมาให้ดีที่สุด

 

 

 

เมื่อถามลงนามแร่แรร์เอิร์ธ​จุดยืนของประเทศไทยคืออะไร 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หากมีอีก 4-5 ประเทศมาแสดงเจตจำนงว่าจะลงนามเช่นนี้ ประเทศไทยไม่มีอะไรจะเสีย ตอนนี้แร่แรร์เอิร์ธยังอยู่ในดินวันนี้ยังเป็นหินเราไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่ข้างใน ตนต้องการขายหินในราคาทองคำ

ไม่ต้องการขายหินในราคาก้อนกรวดก้อนทรายชั่งกิโลขาย ตนถูกสอนมาตั้งแต่อยู่ภาคเอกชน พ่อตุ่นสอนมาตลอดจะขายของให้กำไรต้องซื้อมาเป็นเมตรมาตัดเป็นนิ้ว นี่ก็เป็นหลักการเดียวกัน คำว่าแร่แรร์เอิร์ธ​

 


คำศัพท์นี้เมื่อ 10 ปีก่อน ไม่ยังไม่ค่อยมีใครได้ยิน ยกเว้นพวกนักวิชาการ ตนก็ไม่เคยได้ยินถ้าไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็แทบไม่เคยสนใจ เพราะชีวิตอยู่กับกระทรวงสาธารณสุขและมหาดไทย แต่พอเป็นนายกรัฐมนตรีมีเรื่องนี้ขึ้นมา

 

ตนไม่ได้บอกว่าจะไปให้สัมปทานใครแต่บอกว่ามีโอกาสที่ประเทศไทย จะมีแร่ธาตุหายาก ถ้าสามารถนำไปถลุงแปรสภาพก็อาจจะกลายไปเป็นวัสดุ ที่สร้างขึ้นมาเป็นผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มมูลค่าได้ 

 

 

ส่วนที่มีการมองว่าแร่นี้จะเป็นแร่ยุทธศาสตร์ระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจ 

 

นายกรัฐมนตรี ระบุว่า จะเป็นอะไรก็แล้วแต่ยังอยู่ในประเทศไทย เรายังมีองค์ความรู้เรื่องนี้น้อยมากถ้ามีคนมาให้ความร่วมมือในการศึกษาให้ความรู้กับประเทศไทยเรา ประเทศไทยหมดเวลาไปนานแล้วว่าทำอะไรเองไม่ได้ ยืนยันว่าไม่ใช่เป็นการให้สัมปทานกับใคร  หากแร่มีมูลค่าขึ้นมาจริงก็ต้องสร้างกฎระเบียบ มีกฎหมาย มี tor เพื่อพัฒนาแร่เหล่านี้ และตนคือ Thailand First อยู่แล้วนโยบายพรรคภูมิใจไทยอะไรก็ได้ที่คนไทยมีส่วนร่วมคนไทยทำ ตนจะต้องหาแต้มต่อให้กับคนไทยมากที่สุด 

 

เรื่องแร่แรร์เอิร์ธก็ไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียวที่ลงนาม มีอยู่ประมาณ 8 ประเทศโดยรอบอาเซียน บางประเทศโดยถึงขั้นขายแล้ว แต่เราอยู่ในขั้นการเสนอตัวเข้ามาศึกษา ใครจะเอาช่องทางการตลาดมาให้ใครก็พร้อมพิจารณา ไม่มีอะไรแตกต่างจากการลงนามเรื่องอื่นๆ

 

 

ส่วนจะรักษาจุดยืนระหว่างประเทศมหาอำนาจอย่างไร 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจะ Balance ตัวเองกับใครจะต้องมีความจริงใจและมั่นใจในตัวเองว่าเราก็มีดีเหมือนกัน แต่เราต้องจริงใจ เราอย่าเล่นนกมีหูหนูมีปีกไม่ได้ อย่างนั้นเราก็กระโดดโลดเต้นตาย วันที่หมดแรงแรกก็คือเรา คนอื่นเขาอยู่เฉยๆ เราต้องเหยียบเรือสองแคมต้องประคองตัว  เราต้องใช้ความจริงใจของเราประเทศไทยมีดี มีคนเก่งจำนวนมาก มีเทคโนโลยี มีเงินฝาก มีแหล่งทุน เราต้องวางตัวให้เป็นคู่ค้า เป็นคู่คิด ไม่ใช่เป็นขี้ข้า 

 

 

 

ส่วนต้องเลือกข้างหรือไม่ 

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราเลือกข้างตัวเอง ต้องคิดถึงประโยชน์สูงสุดของประเทศเป็นสำคัญ และสุดท้ายเราต้องอยู่ด้วยตัวเองถ้าไม่มีใครคบเรา​ เรา​ก็ต้องมั่นใจว่าเราสามารถที่จะผลิตอาหาร ปัจจัย 4 ได้​  สิ่งที่จะทำให้ประเทศไทยแข็งแรงขึ้นคือต้องสร้างระบบยุติธรรมให้ยุติธรรมขึ้น สร้างความ สร้างความเท่าเทียมกัน ให้เกิดขึ้นได้ทั้งหมด ทำให้ประเทศไทยน่าเชื่อถือ