
4 พฤศจิกายน 2568 การเดินทางเยือนฮังการี ของ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา พร้อมกับ รศ.ดร.อิสระ เสรีวัฒนวุฒิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า และคณะ ระหว่างวันที่ 2-6 พฤศจิกายนนั้น นอกจากจะได้เข้าเยี่ยมคารวะประธานรัฐสภาฮังการี ในฐานะผู้นำสูงสุดของฝ่ายนิติบัญญัติแล้ว
คณะของ “ประธานวันนอร์” ยังได้เข้าพบหารือข้อราชการกับรัฐมนตรีในฝ่ายบริหารของฮังการีถึง 3 คนด้วยกัน กล่าวคือ
- รองนายกรัฐมนตรี นายโช้ท เซมเยน
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายเบนเซ รีทวารี
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาระดับภูมิภาคแห่งฮังการี นายทิบอร์ นาวราซิก
โดยรัฐมนตรี 2 คนแรก ประธานวันนอร์ และคณะได้เข้าพบหารือไปแล้ว ในวันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ส่วนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาระดับภูมิภาค ซึ่งดูแลงานเกี่ยวกับท้องถิ่นนั้น จะเข้าพบหารือในวันพุธที่ 5 พฤศจิกายน
ทั้งนี้ มีประเด็นเก็บตกที่น่าสนใจระหว่างการเข้าพบและหารือข้อราชการร่วมกันของ ประธานวันนอร์ กับ นายเบนเซ รีทวารี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยของฮังการี ปรากฏว่าทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างถูกคอ และแลกเปลี่ยนปัญหาท้าทายที่ทั้งสองประเทศกำลังประสบพบเจอคล้ายๆ กัน
หนึ่ง คือ นายเบนเซ บอกว่า รัฐบาลฮังการีกำลังสร้างรั้วชายแดนทางตอนใต้ เพื่อป้องกันผู้อพยพ
เรื่องนี้ฝ่ายไทย คือ อาจารย์วันนอร์ ก็ได้แลกเปลี่ยนข้อมูลว่า ไทยเองก็กำลังพิจารณาเรื่องการสร้างรั้วชายแดนอยู่เช่นกัน และเล่าประสบการณ์ของไทยว่า เข้าใจปัญหาเรื่องผู้อพยพเป็นอย่างดี เพราะเคยรับผู้อพยพถึง 3 ชาติจากปัญหาการสู้รบและสงครามกลางเมืองในประเทศเหล่านั้นตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา คือ ผู้อพยพชาวเวียดนาม ชาวกัมพูชา และชาวเมียนมา
โดยปัญหาที่พบคือ เมื่อสงครามจบลงแล้ว ยังคงมีผู้อพยพตกค้างอยู่ในแผ่นดินไทย และเมื่อคนเหล่านั้นอาศัยอยู่นานวันเข้า ก็จะเข้าใจผิดว่าดินแดนที่ตนเองอยู่นั้นเป็นดินแดนของตน ทั้งที่จริงๆ แล้วเป็นดินแดนไทย จนเกิดปัญหาขัดแย้งใหม่ตามมา
สอง คือ นายเบนเซ ย้ำจุดยืนของฮังการีว่า ไม่ต้องการสงครามและการสู้รบ แต่ต้องการสันติภาพ ซึ่งแม้บางเรื่องจะขัดแย้งกับท่าทีของอียู หรือสหภาพยุโรป แต่ฮังการีก็ยืนยันในจุดยืนของตน
ด้วยเหตุนี้เอง รัฐบาลฮังการี ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี วิคเตอร์ ออร์บาน จึงมีแนวคิดจัดประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดี วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่กรุงบูดาเปสต์ เพื่อหาทางยุติสงครามยูเครน แม้การประชุมนี้จะยังไม่เกิดขึ้นก็ตาม
ประเด็นนี้ “ประธานวันนอร์” บอกว่า ไทยก็มีจุดยืนรักษาสันติภาพ และเคารพกฎกติกาของยูเอ็น รวมถึงเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเคร่งครัด ไม่เคยต้องการการสู้รบหรือรุกรานใครก่อน
โอกาสนี้ “ประธานวันนอร์” จึงอวยพรให้การประชุมสุดยอดระหว่างสองมหาอำนาจโลกเกิดขึ้นจริง เพื่อสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของสันติภาพต่อไป
สาม นายเบนเซ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ยืนยันว่า ฮังการีไม่เห็นด้วยกับกิจกรรมผิดกฎหมายทุกรูปแบบ โดยเฉพาะสแกมเมอร์ หรือการหลอกลวงออนไลน์ข้ามพรมแดน และพร้อมสนับสนุนบทบาทของไทยในการเป็นผู้นำการแก้ไขปัญหานี้ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก
ฝั่ง “ประธานวันนอร์” ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลฮังการี เพราะได้เทเสียงโหวตทั้งหมดในการประชุมสหภาพรัฐสภา หรือ IPU ครั้งที่ 151 สนับสนุนข้อมติของไทยในการปราบปรามสแกมเมอร์ และอาชญากรรมข้ามพรมแดน เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จนทำให้ข้อมติของไทยได้รับการบรรจุเป็น “วาระเร่งด่วน” หรือ Emergency item เป็นครั้งแรกของไทย และครั้งแรกในรอบหลายปีของ IPU
สี่ “ประธานวันนอร์” เล่าความหลังให้ นายเบนเซ ฟังว่า เมื่อ 25 ปีที่แล้ว ตนก็เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และรับรู้ว่า ภารกิจของกระทรวงนี้มีมากจริงๆ
เช่นเดียวกับกระทรวงมหาดไทยของฮังการี ที่มีอำนาจหน้าที่กว้างขวางมาก ทั้งด้านการศึกษา, การตำรวจ หรือความสงบเรียบร้อยภายใน, การบรรเทาสาธารณภัย, งานดับเพลิง และการพัฒนาสังคม โดยกระทรวงนี้ใช้งบประมาณเกินครึ่งของฮังการีเลยทีเดียว
และห้า คือเรื่องทางการเมืองของฮังการี ซึ่งกำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้าเช่นเดียวกับไทย โดยพรรคการเมืองที่ นายเบนเซ สังกัดอยู่ ซึ่งเป็นพรรคของนายกรัฐมนตรี วิคเตอร์ ออร์บาน ครองอำนาจมานานถึง 16 ปีแล้ว “ประธานวันนอร์” จึงอวยพรให้ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง และได้เป็นรัฐบาลต่อไป
ดูคลิป