
กรณีการตอบรับการประชุม กมธ.ฯ ในวันที่ 30 ต.ค.68 ซึ่งจะมีการเชิญ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาธิการ เข้าให้ข้อมูลต่อ กมธ.ความมั่นคงฯ
29 ตุลาคม 2568 ที่อาคารรัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวว่า เราให้เกียรติทุกคนทำหนังสือเชิญให้มาชี้แจง ในเรื่องที่มีข้อมูล จะให้คนอื่นมาชี้แจงแทนไม่ได้ ไม่ใช่แค่เรื่องหน่วยงานหรือการทำหน้าที่เท่านั้น
แต่เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง ร.อ.ธรรมนัส และคนอื่นๆที่มีความสัมพันธ์กับ นายเบน สมิธ ซึ่งไม่สามารถมอบหมายให้คนอื่นมาชี้แจงแทนได้ พรุ่งนี้ (30 ต.ค.) ทาง กมธ. คงจะได้รับคำตอบว่าจะมาหรือไม่ ซึ่งการตอบรับต้องรอดูนาทีสุดท้ายก่อนที่จะเข้าประชุม
จึงฝากถามไปยัง ร.อ.ธรรมนัส และนางนฤมล ว่าจะมาหรือไม่ เชื่อว่าหนังสือที่ทำส่งไปจะได้รับแล้ว และการเชิญครั้งนี้เหมือนครั้งที่แล้ว ดังนั้น หากไม่มาก็ไม่ได้รับโอกาสในการชี้แจง
ย้ำว่าจะส่งใครมาชี้แจงแทนไม่ได้ จะมาบอกว่าไปนั่งอยู่ในหัวใจเขาแล้วรู้ทุกอย่าง ไม่ได้ ต้องเป็น ร.อ.ธรรมนัส นางนฤมล นายวราห์ สุจริตกุล รองประธานกรรมการบริษัทฟินันเซีย เอกซ์ จำกัด (มหาชน) นายวรภัค ธันยาวงษ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เท่านั้นที่จะมาตอบคำถามเรื่องนี้ได้ ทั้งนี้ หากไม่มาในครั้งที่สอง คงต้องคุยใน กมธ. อีกครั้ง
ส่วนตัวไม่ได้กังวลว่าจะมาหรือไม่มา เพราะมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ไม่ใช่แค่วาระของประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่เป็นวาระระดับโลกไปแล้ว บุคคลที่ท่านเข้าไปเกี่ยวข้อง ไม่ได้ถูกเฝ้าระวังแค่ประเทศไทยเพียงอย่างเดียว แต่ถูกเฝ้าระวังจากหน่วยงานทั่วโลก อาจจะคิดว่าอยู่เหนือกฎหมายไทยได้ กฎหมายไทยอาจจะทำอะไรท่านไม่ได้ แต่จงรู้ไว้ว่าเรื่องนี้ใหญ่ระดับโลก ไม่สามารถที่จะหลุดพ้นจากความยุติธรรมที่ทั่วโลกพร้อมจะจัดการอย่างแน่นอน
ยืนยันว่าจะทำหน้าที่ของตนเองอย่างตรงไปตรงมา ท่านมาให้ข้อมูลกับเราอย่างตรงไปตรงมา ข้อมูลเหล่านี้ก็จะเป็นประโยชน์ แต่ถ้าไม่มาก็ต้องตอบคำถามกับสังคม กับเรื่องแค่มาช่วยยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างนายเบน สมิธ กับร.อ.ธรรมนัส กับนางนฤมล กับนายวราห์ กับนายวรภัค แค่ลำพังเท่านี้ยังไม่มาชี้แจง ไม่มาตอบคำถามประชาชนจะมองอย่างไรก็พิจารณาดูเอาเองแล้วกัน
เมื่อถามถึง กรณีที่นายกรัฐมนตรีท้าให้เปิดชื่อนักการเมือง ช. นั้น
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องมาท้าว่าเปิดชื่อ ตนเชื่อว่าหน่วยงานของรัฐมีข้อมูลอยู่
เช่นกรณีของ "บิ๊กโจ๊ก" พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. พูดชื่อนักการเมือง ช. ถามว่า "บิ๊กโจ๊ก" จะมีข้อมูลคนเดียวหรือ ตำรวจจำนวนมากก็มีข้อมูล แต่ทำไมยังเงียบอยู่ ยังไม่มีการดำเนินการอะไร
ทำไมต้องให้ภาระการพิสูจน์ ความเสี่ยงตกอยู่กับฝ่ายค้าน ทำราวกับว่าเครื่องมือของฝ่ายค้านมีมากกว่าฝ่ายบริหาร
ถ้านายกรัฐมนตรีไม่ได้หูหนวกตาบอด ก็คิดว่าท่านเอง ควรเอาสิ่งที่ฝ่ายค้านพยายามนำเสนอ เอาสิ่งที่เจ้าหน้าที่รัฐต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอดีตหรือปัจจุบันนำเสนอไปแก้ปัญหา ผมว่าเป็นประโยชน์ที่สุด
ส่วนผมยินดีให้ความร่วมมือนายกฯ ถ้านายกฯ จะเชิญผมไปพูด หรือให้ข้อมูล ในคณะกรรมการที่ท่านตั้งผมยินดีอยู่แล้ว เช่นเดียวกันเมื่อกมธ. ความมั่นคงฯ ขอความร่วมมือกับท่านบ้างให้ท่านมาให้ข้อมูลกับเรา เพื่อให้เรามีการสอบข้อเท็จจริง เราก็คาดหวังความร่วมมือเช่นเดียวกัน ผมพูดตรงนี้ผมยินดีไป และหวังว่าท่านจะยินดีมาที่ กมธ. ความมั่นคงฯ เช่นเดียวกัน เพราะผมไม่ได้เชิญแค่ท่านธรรมนัส แต่ผมเชิญนายกรัฐมนตรีด้วย ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการที่ตั้งขึ้นใหม่ ที่นำไปสู่การปราบสแกมเมอร์“ นายรังสิมันต์ กล่าว
ส่วนเรื่องสแกมเมอร์จะมีการเชิญบุคคลที่เหนือกว่านายวราห์ด้วยหรือไม่นั้น
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนเชิญบุคคลเยอะ ทั้งหน่วยงานรัฐและเอกชน อย่างนายกรัฐมนตรีที่เชิญมา คือในฐานะประธานกรรมการที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ที่อยากจะทราบความคืบหน้าเพราะนายกรัฐมนตรีบอกว่าเป็นวาระแห่งชาติ จึงอยากจะทราบว่าวาระแห่งชาติมาได้ไกลขนาดไหน
ยืนยันว่าวันนี้พยายามสอบข้อเท็จจริงที่ไม่ใช่แค่ นายเบน สมิธ แต่รวมไปถึงตัวละครอื่นที่เชื่อมกับ นายยิม เลียก ซึ่งเรากำลังสอบข้อมูลเหล่านี้และคาดหวังว่าหน่วยงานรัฐบาลทำงานเสียที และมารอให้เราเปิดมาเลย
ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องท้าทายกัน แต่เราอยากจะเห็นการแก้ปัญหาสแกมเมอร์อย่างจริงจังเสียที และหนึ่งในความสำคัญของเรื่องนี้คือความเชื่อมั่น ซึ่งประชาชนจะเชื่อได้อย่างไรเพราะตราบใดที่คนระดับรองนายกรัฐมนตรียังมีความสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงกับแก๊งสแกมเมอร์อยู่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเชิญนักการเมือง ช. จริงๆตนคิดว่าจับเลยก็ได้ เชื่อว่าหน่วยงานรัฐมีข้อมูลอยู่แล้ว เยอะด้วย แต่ที่ไม่เข้าใจคือทำไมไม่มีการดำเนินการในการเอาผิด ตอนนี้หลายตัวละครสามารถดำเนินการได้ทันที ที่ตนแปลกใจคือ มีผลประโยชน์ได้เสียอะไรกัน ทำไมถึงไม่ยอมดำเนินการ
เราไม่อยากจะจัดการปลาซิวปลาสร้อยแล้ว อยากจะเอาตัวที่เป็นตัวสำคัญอาชญากรรมข้ามชาติ ประเด็นคือทำไมตัวอาชญากรรมข้ามชาติ ถึงไม่มีการจัดการ ช. ก็ใหญ่ระดับหนึ่ง แต่ก็มีใหญ่กว่า สาวถึงอยู่แล้ว
ไม่เช่นนั้นทางสหรัฐอเมริกา เขาจะดำเนินการได้อย่างไร สหรัฐอเมริกา อังกฤษ เขาอยู่ไกลแต่ทำไมดำเนินการได้ ประเทศไทยอยู่ใกล้แค่นี้ ทำไมเราดำเนินการไม่ได้ ไม่ใช่ประเทศไทยไม่มีข้อมูล
แต่ประเด็นสำคัญคือเรามีข้อมูลและมีเยอะด้วย ไม่ใช่รู้แค่ว่าฝั่งโน้นเขาเป็นใคร ไม่ใช่แค่รู้ว่าต่างชาติมีใครบ้าง แต่รู้แม้กระทั่งนักการเมืองไทยที่อยู่ในประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์อย่างไรบ้างทำไมถึงไม่ดำเนินการ ไม่จัดการ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า มีบุคคลที่ใหญ่จริงๆอยู่ ใหญ่มาก ซึ่งในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดนี้หลายคนก็รู้กันอยู่แล้ว ว่ามีนักการเมืองคนไหนบ้าง เท่าที่ตนนั่งนับตอนนี้เกิน 7 คนแล้ว บางคนไม่เป็นนักการเมืองก็เข้ามาเป็นนักการเมืองแล้ว ดังนั้น ความเกี่ยวพันกับสแกมเมอร์แล้วเกี่ยวพันกับผู้มีอำนาจ ที่อยู่ภายในประเทศมีอยู่จริงๆ และเป็นหนึ่งในต้นตอของปัญหา กำลังกลายเป็นศูนย์กลางการฟอกเงินระดับโลก และตนยังเป็นห่วงเรื่องทุนเทายึดประเทศ
วันนี้เราเห็นเงินเทาเหล่านี้เข้ามาซื้อห้างร้านต่างๆในไทย เข้ามาตั้งธุรกิจแข่งในไทย และเงินเหล่านี้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของเงินผู้มีอำนาจ ที่จะเอามาใช้ในการแข่งขันทางการเมือง เพื่อยึดอำนาจของรัฐ และนำไปสู่การใช้อำนาจรัฐเพื่อปกป้องบรรดาทุนสีเทาทั้งหลาย วันนี้เรากำลังเจอทุนสีเทายึดประเทศไทยแล้ว
ยืนยันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) มีข้อมูลไปดูเส้นทางการเงินได้ เทคนิคไม่ได้ยาก เส้นทางการเงินเป็นตัวพิสูจน์ แต่สงสัยการทำหน้าที่ของสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ที่ทำงานเฉื่อยช้า เป็นการทำงานตั้งรับไม่ใช่การทำงานเชิงรุก ต้องรอให้มีการดำเนินการโดยตำรวจก่อน จึงมองว่าหากทำงานในลักษณะนี้อาจจะมีการแยกย้ายถ่ายเททรัพย์สินของแก๊งสแกมเมอร์ที่มีอยู่ทำให้ไม่สามารถดำเนินการหรือจับกุมได้ จึงต้องการให้นายกรัฐมนตรีสั่งการให้ปปงทำงานเชิงรุก
เมื่อถามถึงท่าทีของรัฐบาลที่ค่อนข้างจะนิ่งไปกับการปราบปรามสแกมเมอร์และอาชญากรข้ามชาติ
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนอยากให้รัฐบาลนึกว่าใครได้ประโยชน์จากการที่แก๊งสแกมเมอร์ไม่ถูกตรวจสอบ
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ สส.อุทัยธานี พรรคภูมิใจไทย และประธานวิปรัฐบาลระบุว่าใช้ "โจรปราบโจร" นั้น
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า แสดงว่านายชาดา รู้ว่าใครเป็นโจร และเชื่อว่าโจรไม่สามารถปราบโจรได้ มีแต่โจรอุ้มโจร คุณชาดาในฐานะประธานวิปรัฐบาล รู้ว่าใครเป็นโจร คำถามก็คือคนระดับนายกรัฐมนตรี นายอนุทินเคยเป็นรัฐมนตรีมาหลายกระทรวงและวันนี้มาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่รู้หรือครับว่าใครเป็นโจร ขนาดคุณชาดายังรู้เลย
เมื่อถามย้ำว่าหากนายกรัฐมนตรีไม่เชิญไปให้ข้อมูล จะสามารถนำข้อมูลไปให้ได้เลยหรือไม่
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาล ไม่ได้เป็นการพูดลอยๆ และที่ผ่านมาตนก็ดำเนินการมาหลายเรื่องแล้วไม่มีเรื่องไหนลอย เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่ลอยๆ อาจมีความพยายามในการทำลายความน่าเชื่อถือ
อย่างเรื่อง นายเบน สมิธ ซึ่งประเทศสหรัฐอเมริกา มีการยื่นร่างกฎหมายระบุชื่อ นายยิม เลียก และ นายเบน สมิธ คิดว่าเป็นเรื่องลอยๆหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้พูดเรื่อง นายลี ยงพัด หรือ พัด สุภาภา มาตั้งนาน ปัจจุบันมีการยึดทรัพย์แต่ยึดเป็นจำนวนน้อยมาก 70 ล้านบาท
ส่วนที่ตนระบุว่ามีนักการเมืองไทยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการสแกมเมอร์ก็มีหลายคนออกมายืนยัน เป็นเรื่องลอยๆหรือไม่ ยืนยันว่าทั้งหมดที่ตนพูดมาไม่ใช่เรื่องลอยๆ แต่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของชาติ
วันนี้คนที่ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือตน ตกลงคือได้ประโยชน์จากแก๊งสแกมเมอร์ใช่หรือไม่ ได้ประโยชน์จากสิ่งเหล่านี้ใช่หรือไม่ พร้อมตั้งคำถามเหตุใดนายกรัฐมนตรีจึงไม่อนุมัติสัญชาติไทยให้กับนายเบน สมิธ หากเป็นคนดีและบริสุทธิ์จริง ตนขอให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตอบเรื่องนี้ดีกว่า