svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ทหารช่าง เร่งสร้างบังเกอร์ 7 แห่ง 4 จว.อีสานใต้ เน้นจุดเสี่ยงก่อน

ทหารช่าง เร่งสร้างบังเกอร์ 7 แห่ง ในพื้นที่ กกล.สุรนารี เลือกสร้างจุดเข้าเกณฑ์เสี่ยงก่อน ด้าน “นายอุดร” รับ รู้สึกดี หลังสละพื้นที่ส่วนตัวให้หลวง

ที่ จ.ศรีสะเกษ  พ.ท.สุรศักดิ์ มณีศรี  ผู้บังคับกองพันทหารช่างที่ 3 กองพลทหารราบที่ 3 (ผบ.ช.พัน.3 พล.ร.3) กล่าวถึงการสร้างหลุมหลบภัยเพิ่มเติมในพื้นที่ ว่า งานก่อสร้างหลบภัยความจุ 40 คน ได้รับการสนับสนุนงบประมาณจากกองทุนหทิพย์ทัย โดยในพื้นที่กองกำลังสุรนารี จะมีการก่อสร้างทั้งหมด 7 แห่ง แบ่งเป็นในพื้นที่จ.อุบลราชธานี 2 แห่ง จ.สุรินทร์ 2 แห่ง จ.ศรีสะเกษ 2 แห่ง และ จ.บุรีรัมย์ 1 แห่ง ซึ่งในส่วนของพื้นที่กองพันทหารช่างที่ 3 รับผิดชอบนั้น อยู่ในพื้นที่ อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ 2 แห่ง 

 

สำหรับรูปแบบของการก่อสร้าง จะเป็นการวางครอบบล็อกเหลี่ยม 2.1 x 2.1 เมตร จำนวน 2 ท่อน และจะมีกำแพงดินรอบๆ ซึ่งการปฏิบัติในห้วงที่ผ่านมาได้ร่วมมือกับผู้นำชุมชน สำรวจพื้นที่ในการปฏิบัติ ปัจจุบันผลการปฏิบัติการคิดเป็น 12.5% กำลังวางท่อเหลี่ยม 

ทหารช่าง เร่งสร้างบังเกอร์ 7 แห่ง 4 จว.อีสานใต้ เน้นจุดเสี่ยงก่อน

เมื่อถามว่าบังเกอร์ดังกล่าวสามารถสร้างความปลอดภัยได้มากน้อยแค่ไหน พ.ท.สุรศักดิ์ บอกว่า สามารถรับแรงอัด หรือ แรงสเก็ดระเบิดได้ รวมถึงลูกกระสุนปืน 155 มิลลิเมตร

 

เมื่อถามว่า ใน 7 พื้นที่ดังกล่าวนี้เป็นเงินจากกองทุนหทัยทิพย์ 100% หรือไม่ พ.ท.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เป็นเงินของกองทุนหทัยทิพย์ 100% โดย 1 หลุม วัดตามความจุสามารถรองรับประชาชนได้ 40 คน แต่หากยืนชิดกันก็จะได้มากถึง 60 คน 

 

เมื่อถามว่า ในจุดที่ทำบังเกอร์นี้ ช่วงที่มีเหตุการณ์ปะทะกันมีกระสุนมาตกบ้างหรือไม่ พ.ท.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ก็มีกระจายในพื้นที่ ได้รับความเสียหายจากกระสุน BM-21 ที่ตกลงมาบริเวณถนน

ทหารช่าง เร่งสร้างบังเกอร์ 7 แห่ง 4 จว.อีสานใต้ เน้นจุดเสี่ยงก่อน

เมื่อถามว่า การเลือกพื้นที่สร้างบังเกอร์ พิจารณาจากอะไร พ.ท.สุรศักดิ์ กล่าวว่า พิจารณาจากชุมชน โดยให้ชุมชนหารือกันว่าควรจะสร้างตรงไหน และมีนายอุดร ที่ได้เสียสละพื้นที่ส่วนตัวเพื่อส่วนรวม โดยให้สร้างในพื้นที่ของตัวเอง

 

เมื่อถามต่อว่า เรายังมีความต้องการในส่วนของหลุมหลบภัยมากน้อยแค่ไหน พ.ท.สุรศักดิ์ ระบุว่า น่าจะมีความต้องการเพิ่มเติม แต่พยายามสร้างในจุดที่มีเกณฑ์เสี่ยงก่อน โดย 1 หลุมใช้ระยะเวลาสร้างประมาณ 10 วัน ใช้งบประมาณจุดละ 500,000 บาท 

ทหารช่าง เร่งสร้างบังเกอร์ 7 แห่ง 4 จว.อีสานใต้ เน้นจุดเสี่ยงก่อน

ด้าน นาย อุดร วงศ์ฮาม อายุ 54 ปี เจ้าของที่ดินที่ให้สร้างบังเกอร์ ชาว ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ บอกว่า ตนได้บริจาคพื้นที่ในการวางและสร้างบังเกอร์ จำนวนพื้นที่ทั้งหมด 8x15 เมตร ให้ทางกองทัพบกใช้สร้างบังเกอร์ หลุมหลบภัยให้ประชาชน ซึ่งตนรู้สึกดีมากๆ และพร้อมต้อนรับพี่น้องเข้าสู่บังเกอร์แห่งนี้ โดยชาวบ้านในพื้นที่ก็ได้มาขอบคุณตน และบอกว่า "เดี๋ยวจะมาหลบภัยด้วย"

 

นายอุดร เล่าว่าในห้วงเวลาที่เกิดสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างไทย-กัมพูชานั้น ยอมรับว่ารู้สึกกังวล แต่เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา ตนก็ไม่ได้หนีไปไหน และยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านแห่งนี้

 

สำหรับสาเหตุที่ทำไมต้องเป็นบ้านของนายอุดรนั้น เป็นเพราะว่าตนมีพื้นที่อยู่ และบอกทางการไปว่าหากฝั่งตรงข้ามบ้านตนไม่สามารถสร้างบังเกอร์ได้ ตนก็อนุญาตให้กองทัพบกมาทำที่ฝั่งนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่บ้านของตนได้  

ทหารช่าง เร่งสร้างบังเกอร์ 7 แห่ง 4 จว.อีสานใต้ เน้นจุดเสี่ยงก่อน

“ภูมะเขือ” อยู่ในความควบคุมของทหารไทย ยึดได้ 25 ฐาน 

พันโท จักรกฤษณ์ ขุริรัง ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 11 เปิดเผยว่า พื้นที่ “ภูมะเขือ” จ.ศรีสะเกษ ที่ตั้งอยู่บริเวณปลายยอดภูเขา เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่ฝ่ายตรงข้ามเคยใช้เป็นจุดขนส่งยุทธภัณฑ์ผ่านสะพาน และกระเช้าเคลื่อนย้ายสิ่งของขึ้นมา แต่ขณะนี้กองทัพสามารถเข้ายึดพื้นที่ได้อย่างเบ็ดเสร็จ พร้อมทำลายสะพานและกระเช้าดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว 

 

ปัจจุบันทหารไทยสามารถวางกำลังได้ทั่วพื้นที่ โดยเฉพาะบริเวณ “พลาญหิน 8 ก้อน” และ “พลาญยาว” ที่อยู่ทางฝั่งซ้ายมือ ซึ่งอยู่ในการควบคุมของฝ่ายไทยทั้งหมดเช่นกัน ขณะที่ด้านขวาเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับเขตปราสาทพระวิหารและช่องโดนเอาว์ ซึ่งถือเป็นภูมิประเทศโดยรอบภูมะเขือ

 

สำหรับพื้นที่ที่ยึดได้รวมทั้งหมดกว่า 25 ฐาน คิดเป็นประมาณ 1.4 ตารางกิโลเมตร การปฏิบัติภารกิจครั้งนี้เป็นความร่วมมือของกองทัพบก กองทัพอากาศ และหน่วยรบพิเศษ ที่ใช้เวลาในการปฏิบัติการระหว่างวันที่ 24-28 กรกฎาคม 2568

 

พันโท จักรกฤษณ์ ยังย้ำว่า ขวัญและกำลังใจของทหารบนภูมะเขือเต็มร้อย ทั้งจากผู้บังคับบัญชาทุกระดับที่ส่งแรงใจถึงพื้นที่ รวมถึงประชาชนทั่วประเทศที่แสดงการสนับสนุน ผ่านข้อความและสิ่งของส่งถึงกำลังพล ซึ่งถือเป็นพลังใจสำคัญให้ภารกิจสำเร็จลุล่วง

 

ทั้งนี้ แม้จะทำลายกระเช้าบนภูมะเขือไปแล้ว แต่กองทัพได้เก็บโครงสร้างบางส่วนไว้เป็น “อนุสรณ์แห่งชัยชนะ” โดยในอนาคต พื้นที่แห่งนี้อาจกลายเป็นจุดท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ให้คนไทยได้มาระลึกถึงความเสียสละของผู้ปฏิบัติหน้าที่

 

ส่วนที่ก่อนหน้านี้เคยมีกำลังจากฝั่งกัมพูชาเข้ามาในพื้นที่ เป็นการแทรกซึมเมื่อช่วงปี 2551 ซึ่งมีจำนวนไม่มาก ปัจจุบันกองทัพได้เตรียมพร้อมทั้งด้านยุทธวิธี เส้นทางสนับสนุน และกำลังพลอย่างรัดกุม

 

สำหรับความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม พบว่ามีการเสริมความมั่นคงของที่มั่นและบังเกอร์ รวมถึงการปรับฐานให้แข็งแรงมากขึ้น แต่ฝ่ายไทยยังคงเฝ้าตรวจการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะจากจุดยุทธศาสตร์ภูมะเขือ ซึ่งสามารถมองเห็นความเคลื่อนไหวฝั่งกัมพูชาได้อย่างชัดเจน

 

พันโท จักรกฤษณ์ ย้ำอีกว่า ขณะนี้ไม่มีความกังวลต่อสถานการณ์ในพื้นที่ และยืนยันว่ากำลังพลทุกนายมีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างถึงที่สุด หากมีการเจรจาระดับนโยบายเป็นเรื่องของผู้บังคับบัญชา แต่ในภาคสนาม “ทหารไทยจะไม่ถอย และจะไม่ยอมให้พื้นที่ตกเป็นของฝ่ายตรงข้าม”

 

ทหารช่าง เร่งสร้างบังเกอร์ 7 แห่ง 4 จว.อีสานใต้ เน้นจุดเสี่ยงก่อน

นปท.3 เคลียร์ทุ่นระเบิดอีสานตอนล่างเกือบหมด 

ที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ จ.ศรีสะเกษ พ.ท.ศุภวัฒน์ นามม่อง ผู้บังคับกองพันทหารช่างที่ 6 กองพลทหารราบที่ 6 ในฐานะผู้บังคับหน่วยตรวจค้นและทำลายทุ่นระเบิดหน่วยปฏิบัติการทุ่นระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 กล่าวถึงภารกิจของหน่วยปฏิบัติการทุนระเบิดด้านมนุษยธรรมที่ 3 (นปท.3) ว่า  ภารกิจของ นปท.3 ประกอบด้วย 5 ประการหลัก ได้แก่ 1.งานเก็บกู้ระเบิด 2.งานแจ้งเตือนให้ความรู้ 3.งานช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากทุ่นระเบิด 4.งานทำลายทุ่นระเบิดที่ได้จากการปฎิบัติภารกิจ 5.การสนับสนุนหน่วยงานราชการในพื้นที่ที่รับผิดชอบ สำหรับพื้นที่ปนเปื้อนทุระเบิดในพื้นที่ภาคอีสานตอนล่าง 

 

โดยมีการสำรวจตั้งแต่ปี 2543 อยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี รวมทั้งสิ้น 1,349 ตารางกิโลเมตร ซึ่งได้เก็บกู้ไปแล้ว 1,342 ตารางกิโลเมตร คิดเป็น 99.4% คงเหลือพื้นที่อันตรายในบุรีรัมย์ 0.27 ตารางกิโลเมตร สุรินทร์  2.23 ตารางกิโลเมตร ศรีสะเกษ 4.02 ตารางกิโลเมตร และอุบลราชธานี 0.67 ตารางกิโลเมตร รวมทั้งหมด 7.37 ตารางกิโลเมตร หรือคิดเป็น 0.55%  

 

ทหารช่าง เร่งสร้างบังเกอร์ 7 แห่ง 4 จว.อีสานใต้ เน้นจุดเสี่ยงก่อน

พ.ท.ศุภวัฒน์ กล่าวต่อว่า การปฏิบัติงานในห้วงเวลาที่ผ่านมา ประสบกับปัญหาคือการขัดขวางจากฝ่ายกัมพูชา โดยเก็บสถิติจากปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ถูกขัดขวางทั้งสิ้น 22 ครั้ง และนอกจากการขัดขวางการปฎิบัติงานแล้ว มีการวางทุ่นระเบิดเพิ่มเติม ซึ่งมีกำลังพลของไทยเหยียบไป 6 ครั้ง และในห้วงการปะทะที่ผ่านมา ในการยิงจรวด BM-21 (บีเอ็ม-21) ลงมาตกบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดข้างต้น ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ ได้จัดชุดป้องกันสำหรับเจ้าหน้าที่เก็บกู้และทำลายวัตถุระเบิด (EOD) เข้ามาเก็บกู้และทำลาย จำนวน 960 จุด นอกจากนั้นยังได้จัดชุดเก็บกู้ เข้ามาตรวจค้น และทำลายทุ่นระเบิดในพื้นที่ฐานปฏิบัติการต่าง ๆ โดยตรวจพบทุ่นระเบิดเพิ่มเติม 801 ทุ่น และในปัจจุบันมีการตรวจพบเจออยู่เรื่อย ๆ 

 

เมื่อถามว่า กัมพูชายังมีการวางทุ่นระเบิดตามแนวชายแดนของประเทศตัวเอง เพื่อเป็นการป้องกันตนเองใช่หรือไม่ พ.ท.ศุภวัฒน์ กล่าวว่า คาดว่าน่าจะวางเต็มแล้ว หากจะไปไหนก็ต้องใช้ทหารช่างในการตรวจค้นก่อน เพื่อความปลอดภัยของกำลังพล โดยบนพื้นที่ยอดภูมะเขือเราได้ทำการเคลียร์หมดแล้ว

 

สำหรับทุ่นระเบิดที่ได้มีการตรวจพบนั้น จะแบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก 1.ระเบิดที่ใช้ดักรถถัง 2.ระเบิดสังหารบุคคล โดยระเบิดสังหารบุคคลจะมุ่งเน้นให้ตัวบุคคลได้รับบาดเจ็บ เพื่อถ่วงกำลังพลในกลุ่ม ส่วนระเบิดดักรถถัง จะทำงานเมื่อมีน้ำหนักกดปริมาณมาก โดยจะไม่ทำงานหากมีคนเหยียบ

 

เมื่อถามว่า ทางหน่วยมีการดูแลกำลังพลอย่างไรในการออกปฏิบัติการ เพราะขณะนี้ผู้บังคับบัญชาใส่ใจการเก็บกู้ทุ่นระเบิดมาก พ.ท.ศุภวัฒน์ กล่าวว่า จะมีการให้ความรู้และการฝึกทบทวนต่างๆ รวมถึงมีการเน้นย้ำจากผู้บังคับบัญชา ให้ระมัดระวังอันตรายจากทุ่นระเบิด และมีการเพิ่มเติมยุทธโธปกรณ์ต่างๆ ในการตรวจค้นให้ทันสมัย เพื่อให้ตรวจทุ่นระเบิดให้พบ โดยหน่วยเหนือจะมีการสำรวจอยู่ตลอดว่าในห้วงเวลานี้ต้องการอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ โดยในหน่วยปฏิบัติก็จะเสนอข้อมูลไป