svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“อนุชา” ฝากถึงกัมพูชา อีกครั้งใน IPU อย่าหักหลังมนุษยธรรมของไทย

“อนุชา” ฝากให้ไว้คิด ย้ำถึง “กัมพูชา” อีกครั้ง ในที่ประชุม IPU รัฐสภาโลก อย่าหักหลังมนุษยธรรม -ไทยพร้อมใช้กลไกทวิภาคี

22 ตุลาคม 2568 ในเวทีเกี่ยวกับสันติภาพ ซึ่งเป็นการตอบสนองของสมาชิกรัฐสภาโลก ต่อข้อเรียกร้องของเลขาธิการสหประชาชาติ  นับเป็นอีกหนึ่งการประชุมสำคัญ ที่ผู้แทนจากรัฐสภาไทย ได้สื่อสารกับประชาคมโลก เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อปัญหาข้อพิพาทระหว่างไทยกัมพูชา โดยตัวแทนประเทศไทย ที่ได้กล่าวถ้อยแถลงนี้ คือ สส.อนุชา บูรพชัยศรี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ และอดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างการเข้าร่วมประชุมสมัชชาสหภาพรัฐสภา หรือ ​IPU ครั้งที่ 151 ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

สส.อนุชา กล่าวถ้อยแถลงนี้ในวาระพิเศษว่าด้วยภาระรับผิดชอบเพื่อสันติภาพ โดยอ้างถึงข้อมติของ IPU “ว่าด้วยการตอบสนองของสมาชิกรัฐสภา ต่อข้อเรียกร้องเร่งด่วนของเลขาธิการสหประชาชาติ ที่จะกลับมายึดมั่นในหลักพหุภาคีนิยมเพื่อสันติภาพ ความยุติธรรม และความยั่งยืนของโลก" 

สส.อนุชา บูรพชัยศรี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ

สส.จากรัฐสภาไทย เริ่มต้นถ้อยแถลงด้วยการแสดงจุดยืนของประเทศ ที่สอดคล้องกับข้อมติของ IPU ที่เรียกร้องให้รัฐสภาทุกแห่ง กลับมายึดมั่นในหลักพหุภาคีนิยมอีกครั้ง เพื่อสันติภาพ ความยุติธรรม และความยั่งยืนของโลก เพื่อย้ำเตือนว่า วิกฤตการณ์อันซับซ้อนในปัจจุบัน ตั้งแต่ความขัดแย้งไปจนถึงความเหลื่อมล้ำนั้น ไม่สามารถแก้ไขได้โดยลำพัง แต่วิกฤตการณ์เหล่านี้จำเป็นต้องอาศัยการเจรจา ความร่วมมือ และการเคารพกฎหมายระหว่างประเทศอย่างแน่วแน่

จากนั้น สส.อนุชา ได้กล่าวเชื่อมโยงประเด็นมาถึงปัญหาขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชา พร้อมตอกย้ำจุดยืนไทยผ่านเวที IPU
 

“ด้วยเจตนารมณ์เดียวกันนี้ ประเทศไทยขอยืนยันอีกครั้งถึงการยึดมั่นอย่างแน่วแน่ ต่อหลักการสำคัญในการจัดการกับสถานการณ์ปัจจุบัน ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ประเทศไทยถือกัมพูชาเป็นเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและมิตรสหายที่ดี สถานการณ์ที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ไม่ใช่สิ่งที่ประเทศไทยปรารถนาให้เกิดขึ้น และไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ จากสถานการณ์นี้เลย ทั้งยังเป็นความขัดแย้งที่เราไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่ม”

“ไทยยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติ หลักการก่อตั้งของสหภาพรัฐสภา และพันธกรณีทวิภาคีของเรา โดยประเทศไทยยังคงยึดมั่นอย่างเต็มที่ต่อข้อตกลงหยุดยิง และใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างสูงสุดต่อไป เพื่อฟื้นฟูสันติภาพและเสถียรภาพตามแนวชายแดน” 

 

สส.อนุชา บูรพชัยศรี จากพรรครวมไทยสร้างชาติ

สส.อนุชา อธิบายถึงข้อสงสัยและข้อวิจารณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากข้อพิพาทของทั้งสองประเทศ และการให้ข้อมูลฝ่ายเดียวของกัมพูชา ที่อาจนำมาสู่ความเข้าใจผิด ทั้งกรณีของชาวกัมพูชาที่บ้านหนองจาน และหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้วของไทย รวมถึงเชลยศึก 18 คนที่อยู่ในความดูแลของทางการไทย

แม้ สส.จากประเทศไทย จะไม่ได้เอ่ยถึงประเด็นทั้งหมดนี้อย่างเฉพาะเจาะจง แต่ก็ได้สร้างความเข้าใจต่อที่ประชุม IPU ผ่านแนวคิดและหลักการสำคัญ ที่ไทยปฏิบัติอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ของปัญหานี้
 

“บทบาทด้านมนุษยธรรมของประเทศไทย เป็นที่ประจักษ์และได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนาน ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 หรือระหว่างปี พ.ศ. 2513-2522 ประเทศไทยได้เปิดพรมแดนต้อนรับชาวกัมพูชาหลายแสนคน ที่หลบหนีภัยสงครามกลางเมือง ซึ่งเป็นการกระทำที่เกิดจากความเมตตากรุณา และหลักมนุษยธรรม โดยเจตนารมณ์เดียวกันนั้น ยังคงเป็นแนวทางในการดำเนินการของเรามาจนถึงปัจจุบัน”

“เชลยศึกชาวกัมพูชาจำนวน 18 คนที่อยู่ในความดูแลของฝ่ายไทยในขณะนี้ ได้รับการปฏิบัติตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างครบถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ หรือ ICRC สามารถเข้าเยี่ยมบุคคลเหล่านี้ได้อย่างเต็มที่และสม่ำเสมอ และยังช่วยอำนวยความสะดวก ในการติดต่อกับครอบครัวของพวกเขาอีกด้วย"

 

สส.อนุชา กล่าวให้ความเชื่อมั่นต่อที่ประชุม IPU อีกว่า ไทยยึดมั่นต่อการคุ้มครองพลเรือนและภาระรับผิดชอบต่อการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมว่าเป็นรากฐานสำคัญของสันติภาพที่ยั่งยืน
 

เรายึดมั่นในหลักการเหล่านี้ ไม่ใช่เพียงแค่ในฐานะเป็นพันธกรณี แต่ในฐานะความจำเป็นทางศีลธรรมเลยทีเดียว" สส.จากประเทศไทย ย้ำ
 

เขาสรุปในตอนท้ายว่า ไทยยังคงพร้อมที่จะแก้ไขข้อขัดแย้งทั้งปวงกับกัมพูชาโดยสันติวิธี ผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ ด้วยเจตนารมณ์แห่งความสุจริต ความเป็นเพื่อนบ้านที่ดี และการเคารพซึ่งกันและกัน