
16 ตุลาคม 2568 เผือกร้อนชิ้นใหม่ในมือ “นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล” กับการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแก๊งสแกมเมอร์ โดยมีการเรียกร้องให้ออกมาตรการเชิงรุก ในการร่วมปราบปรามสแกมเมอร์ ขบวนการฟอกเงิน และอาชญากรรมข้ามชาติ จากแรงกดดันจากสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และเกาหลีใต้ ในเดินหน้าปราบปราม ติดตามขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชาอย่างจริงจัง
เผือกร้อนชินนี้ นายกฯ อนุทิน แก้เกมด้วยการลงนามคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จำนวน 23 คนที่มีตัวเองเป็นประธาน เพื่อลุยแก้พนันออนไลน์ สแกมเมอร์ ฟอกเงิน กระทบความมั่นคงประเทศ
คณะกรรมการชุดนี้ ปรากฎรายชื่อบิ๊กเนมจากหลากหลายหน่วยงาน เพื่อแสดงให้เห็นความถึงความตั้งในการทำงาน บูรณาการร่วมกันจากหน่วยงานต่างๆ
แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อไล่ดูรายชื่อคณะกรรมการชุดนี้กับมีข้อสังเกตว่า
ไม่ได้ทำให้เรื่องจบ แต่ทำให้เกิดคำถามตามมา...
1.สังคมและพรรคฝ่ายค้านต้องการนโยบาย และแผนการแก้ไขปัญหา พร้อมกับการปฏิบัติอย่างจริงจัง
2.การตั้งคณะกรรมการขึ้นมา ไม่ได้แก้ปัญหาอะไร เพราะที่ผ่านมาก็มีคณะกรรมการ และหน่วยงานต่างๆ มากมายอยู่แล้ว
**ปัญหาคือการไม่ปฏิบัติ หรือปฏิบัติอย่างไม่เป็นเอกภาพ ไม่มียุทธศาสตร์ และเป้าหมายที่ชัดเจน
3.องค์ประกอบของคณะกรรมการ มีแต่รัฐมนตรี และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง
**ล้วนเป็นผู้หลักผู้ใหญ่ จะมีเวลาประชุมพร้อมกัน และขับเคลื่อนงานได้จริงหรือไม่
4."พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ" ได้รับมอบหมายให้คุมภาคปฏิบัติในเรื่องนี้
**มีศักยภาพพอที่จะทำภารกิจหรือไม่
**นายกฯให้เหตุผลว่า “เป็นตำรวจเก่า”
- พลตำรวจเอก เพิ่มพูน หรือที่รู้จักกันในนาม “บิ๊กอุ้ม” เป็นนายร้อยอบรม ไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจสามพราน
- ไม่เคยผ่านงานด้านการปราบปราม เคยอยู่กองทะเบียน จเรตำรวจ และหน่วยอื่นๆ
**แต่ไม่ได้คุมงานสืบสวน ปราบปราม จึงอาจไม่เหมาะกับหน้างานสแกมเมอร์
- ไม่ใช่แนวบู๊ หรือทำงานเชิงรุก
- มีความเชื่อมั่นในตัวเอง และทำงานตามแนวคิดของตน
- ที่ผ่านมาเป็นที่รับรู้กันว่า ขบวนการคอลเซ็นเตอร์ สแกมเมอร์ และพนันออนไลน์ เกิดขึ้นอย่างแพร่หลายได้เพราะมี “ตำรวจรู้เห็น”
**การใช้ตำรวจเก่าเข้ามาคุมการแก้ไขปัญหา จะถูกฝาถูกตัวจริงหรือไม่
สำหรับ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ก่อนหน้านี้เคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เขาเป็นน้องชายของนายเนวิน ชิดชอบ ผู้นำจิตวิญญาณพรรคภูมิใจไทย
เส้นทางสีกาสี พล.ต.อ.เพิ่มพูน จบนิติศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ไม่ได้จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ เริ่มรับราชการตำรวจ เมื่อปี 2527 ที่สำนักงานเลขานุการ กรมตำรวจ (ขณะนั้น)
หลังจากนั้นก็ค่อยๆ เติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ เคยเป็นผู้บังคับการ กองตรวจราชการ 2 จเรตำรวจ / เป็นผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง / แล้วถูกเด้งจาก ตม.ไปเป็นอำนวยการจเรตำรวจ ยุครัฐบาลอดีตนายกฯยิงลักษณ์ ชินวัตร
ก่อนขยับมารับตำแหน่งผู้ช่วย ผบ.ตร. เมื่อปี 2562 / เกษียณอายุราชการปี 2564 ตำแหน่ง ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเข้าสู่แวดวงการเมือง
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ยังเคยเกี่ยวข้องกับคดีขอ งนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือบอส ขับรถสปอร์ตหรูเฟอร์รารี่ ซึ่งชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อเสียชีวิต ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่มีส่วนในการพิจารณาสำนวนคดีในช่วงที่นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กลับคำสั่งเดิม เปลี่ยนเป็นสั่งไม่ฟ้อง บอส อยู่วิทยา
โดย พล.ต.อ.เพิ่มพูน ลงนามแทน ผบ.ตร.(ขณะนั้น) ในการไม่เห็นแย้ง ทำให้คดียุติลงทันที ต่อมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ โดยสรุปผลว่า พล.ต.อ.เพิ่มพูน ไม่ได้มีความบกพร่องในการปฏิบัติหน้าที่
ส่วนการตรวจสอบของ ป.ป.ช.ตรวจสอบพบว่า มีเจ้าหน้าที่รัฐจำนวนมาก เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความเร็วรถในสำนวนคดีของบอส อยู่วิทยา ทั้งอัยการ ตำรวจรวจ และ กรรมาธิการในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
พล.ต.อ.เพิ่มพูน ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดในฐานะที่ ดำรงตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และมีหน้าที่พิจารณาสำนวนคดี แต่ไม่ได้มีความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการในขณะนั้น โดย ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง เมื่อเดือนกันยายน 2566