svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

รมช.อุตฯ ฟัน รง.ฉะเชิงเทราปล่อยน้ำเสีย-พร้อมปลดล็อกหากแก้ไข

รมช.อุตฯ สั่งฟันทันทีโรงงานฉะเชิงเทราปล่อยน้ำเสีย - ผูกมัดเครื่องจักร-ประทับตรา ห้ามเดินเครื่องเด็ดขาด ย้ำพร้อมปลดล็อกหากแก้ไขตามกฎหมายเคร่งครัด-ถูกต้อง

จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม มอบหมายให้นายอุดร เทพวาที คณะที่ปรึกษา นำคณะทำงานลงพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา ร่วมกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ อาทิ นายพิษณุพงษ์ เศรษฐวงศ์ นายกเทศมนตรีตำบลเขาหินซ้อน และ กำนันวิเชียร จิตต์สำราญ ตรวจสอบโรงงานถอดแยกและบดย่อยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในพื้นที่หมู่ 9 ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา หลังได้รับรายงานว่า มีการดำเนินกิจการที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ

 

จากการตรวจสอบ พบว่า โรงงานดังกล่าวยังคงมีการ Bypass น้ำเสียโดยไม่ผ่านระบบบำบัด และปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ รวมทั้งมีเสียงดังรบกวนประชาชนในพื้นที่ ทำให้หลังจากการลงพื้นที่ตรวจสอบ อุตสาหกรรมจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้เข้าดำเนินการตามมาตรการที่รัฐมนตรีช่วยฯ กำหนดอย่างเข้มงวด โดยผูกมัดเครื่องจักรหลักของโรงงานด้วย ลวดสลิงและผนึกด้วยแผ่นดีบุกประทับตราราชการ เพื่อระงับการทำงานทุกระบบในระหว่างรอการปรับปรุงให้ถูกต้องตามกฎหมาย เครื่องจักรที่ถูกดำเนินการ ได้แก่ เครื่องบดย่อยเศษสายไฟและเครื่องร่อนแยกด้วยน้ำ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการปล่อยน้ำเสียในพื้นที่

รมช.อุตฯ ฟัน รง.ฉะเชิงเทราปล่อยน้ำเสีย-พร้อมปลดล็อกหากแก้ไข

มาตรการดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายเรือธงของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม "ปิดเร็ว-เปิดเร็ว-พึ่งพาได้" ที่ผลักดันอย่างจริงจัง โดยเน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดต่อโรงงานที่ละเมิดหรือก่อผลกระทบต่อชุมชน พร้อมให้โอกาสแก่ผู้ประกอบการที่ปรับปรุงแก้ไขถูกต้องให้กลับมาดำเนินกิจการได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาการจ้างงานและขับเคลื่อนเศรษฐกิจในพื้นที่ให้เดินหน้าต่อไป

 

รัฐมนตรีช่วยว่าการฯ ย้ำว่าการดำเนินการครั้งนี้ไม่ใช่การปิดโรงงานเพื่อทำลายธุรกิจ แต่เป็นการปกป้องสิทธิของชาวบ้านและรักษามาตรฐานสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับกรอบกฎหมาย

รมช.อุตฯ ฟัน รง.ฉะเชิงเทราปล่อยน้ำเสีย-พร้อมปลดล็อกหากแก้ไข

นอกจากนั้น รัฐมนตรีช่วยฯ ยังได้มอบหมายให้ทีมคณะที่ปรึกษาติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องในพื้นที่ต่อไปเพื่อให้แน่ใจว่าการปรับปรุงของโรงงานเป็นไปตามมาตรฐานสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งให้รายงานผลเข้าสู่กระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อนำข้อมูลไปใช้เป็นแนวทางในการกำหนดมาตรการเชิงระบบสำหรับโรงงานอื่น ๆ ทั่วประเทศ

 

ทั้งนี้ การลงพื้นที่ครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการทำงานเชิงรุกภายใน 120 วันของรัฐมนตรีช่วยฯ ที่มุ่งเน้นการรับฟังปัญหาจากพื้นที่จริงและขับเคลื่อนการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้เกิดระบบอุตสาหกรรมที่โปร่งใส ยั่งยืน และพึ่งพาได้อย่างแท้จริง โดยยึดหลักว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจต้องเดินหน้าไปพร้อมกับความสุขของประชาชนในชุมชนรอบนิคมอุตสาหกรรมภายใต้กรอบกฎหมายอย่างเคร่งครัด