svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

“อนุทิน” ยืนยันนำตั้ง รบ.ตาม MOA โปร่งใส-ไม่รู้จักอังเคิล

“อนุทิน” แฉเบื้องหลัง หลุด มท.1 - ยืนยันนำตั้ง รบ.ตาม MOA โปร่งใส-ไม่รู้จักอังเคิล – ลั่น! ไม่แทรกแซงคดีฮั้ว สว.-เขากระโดงเด็ดขาด! - เตรียมชงร่างแก้ไข รธน. 14-15 ต.ค.นี้

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายของนางสาวจิราพร สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย หลังถูกพาดพิงระหว่างการอภิปรายในการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภา ที่ตั้งข้อสงสัยกรณีที่อดีตนายกรัฐมนตรีฮุนเซนของกัมพูชา ระบุ 3 เดือนประเทศไทย จะเปลี่ยนนายกรัฐมนตรี และไม่น่าเชื่อที่วันนี้ (30 ก.ย.) ประเทศไทย มีรัฐบาลใหม่ ตามที่ผู้นำประเทศเพื่อนบ้านบอกสอดคล้องราวกับจัดวาง โดยเห็นว่า นางสาวจิราพร พยายามใช้วาทกรรม ซึ่งเวลาที่นางสาวจิราพร พูดความจริงดูน่าเชื่อถือมาก แต่ถ้าพูดความเท็จ จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ขาดความมั่นใจ ซึ่งแม้ว่า นางสาวจิราพร จะพยายามจะทำให้เห็นว่า ตนและผู้นำกัมพูชา รู้อะไรกัน เพราะอดีตผู้นำกัมพูชา ระบุจะมีการเปลี่ยนผู้นำประเทศไทย แต่ยืนยันว่า ตนไม่เคยรู้จักผู้นำกัมพูชาเป็นการส่วนตัว และพบกับฮุนเซนครั้งแรกอย่างเป็นทางการในการเดินทางเยือนกัมพูชา ร่วมกับนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า ตนเองไม่ได้รู้จักฮุนเซนเป็นการส่วรตัว และเต็มที่นั้นตนมีเพียงเพื่อนที่รู้จักกัน ไม่ได้มีอำนาจใด ๆ ในกัมพูชา ไม่มีลุง ไม่มีอังเคิล มีแต่เพื่อน และไม่เคยพูดถึงการบริหารราชการแผ่นดิน หรือการเสนอแนะใด ๆ ที่ใช้ความสัมพันธ์ส่วนตัว

 

นายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า ตนเองยังรู้สึกตกใจ ที่เมื่อตนกลับมาจากกัมพูชาในการติดตามนางสาวแพทองธารเยือนกัมพูชา เพื่อน ๆ ของตนที่รู้จักกัน ได้โทรศัพท์มาบอกว่า ที่ตนไม่ได้เข้าประชุมหลายที่ เพราะมีการแจ้งฝ่ายกัมพูชาว่า ไม่ต้องคุยกันมาก เนื่องจาก ตนจะถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ตนก็ไม่ได้เชื่อ เพราะตนจะเชื่อข้อมูลจากนายกรัฐมนตรีในเวลานั้นเพียงคนเดียว และในวันหนึ่ง ตนเองก็ได้รับการแจ้งอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 17 มิถุนายนว่า พรรคเพื่อไทย ต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน และให้ตนไปเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งตนมองว่า ข้อเสนอดังกล่าว เป็นข้อเสนอที่ต้องการให้ตนปฏิเสธ และออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และตนก็มั่นใจว่า ตนเป็นรัฐมนตรีคนเดียว ที่ปกป้อง และอยู่ร่วมกับนายกรัฐมนตรีทุกขณะ และนายกรัฐมนตรี ก็ทราบดี เพียงแต่มีเหตุผลที่ระบุว่า ใกล้เลือกตั้งแล้ว พรรคเพื่อไทยต้องได้กระทรวงมหาดไทย

นายกรัฐมนตรี ยังสงสัยว่า สิ่งใดที่ทำให้พรรคเพื่อไทย เชื่อว่า ได้กระทรวงมหาดไทยแล้ว จะชนะเลือกตั้ง ซึ่งพ่อของตนเอง ก็เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย แต่ก็แพ้การเลือกตั้งให้กับพรรคเพื่อไทย ในปี 2554 แต่ก็ได้รับคำตอบเดียวคือ “พรรคเพื่อไทย ต้องการกระทรวงมหาดไทยคืน” แต่ตนก็เชื่อว่า นางสาวแพทองธาร ไม่ได้พูดจากความต้องการในใจของตนเอง และต้องมีคนบอกให้นางสาวแพทองธารพูด เพราะที่สุดแล้ว นายแพทย์พรหมมินทร์ เลิศสุริย์เดช อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ก็ยืนยันว่า “ไพ่ใบสุดท้าย คุณไปอยู่กระทรวงสาธารณสุข” ซึ่งคำนี้เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มาบอกตนที่กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นวันที่ตนได้ฝากอดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ไปเรียนอดีตนายกรัฐมนตรีว่า พรรคภูมิใจไทย ขอถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล และเป็นวันเดียวกับวันที่มีคลิปเสียงอังเคิลปรากฏออกมา ซึ่งยิ่งทำให้การตัดสินใจถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยิ่งเกิดความมั่นใจว่า พรรคภูมิใจไทยจะต้องถอนตัว ซึ่งไม่ใช่เพราะเรื่องกระทรวงมหาดไทย แต่เป็นเรื่องความเสียหายจากคลิปเสียง ที่รัฐบาลขาดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว และไม่ควรบังเกิดขึ้น จึงเป็นเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยถอนตัว

 

ส่วนมีเหตุการณ์ใด ๆ พิสดารในการจัดตั้งรัฐบาลตามที่นางสาวจิราพรอภิปรายหรือไม่นั้น นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มี และสัปดาห์ต่อมาหลังการถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ตนก็มารายงานตัวต่อผู้นำฝ่ายค้านฯ เพื่อทำหน้าที่ร่วมกับพรรคประชาชน และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ที่พรรคเพื่อไทยน่าจะไม่ไหวแล้ว และประชาชนขาดความเชื่อมั่น เกียรติภูมิประเทศได้รับความเสียหาย ซึ่งดีที่สุดควรจะมีการยุบสภา แต่หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่นายกรัฐมนตรียุติปฏิบัติหน้าที่ พรรคภูมิใจไทย จึงพูดคุยกับพรรคประชาชน เพื่อให้เกิดการยุบสภาขึ้น แต่พรรคประชาชน ก็ไม่มีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จึงเป็นที่มาของ MOA ซึ่งดำเนินการอย่างเปิดเผย และพรรคภูมิใจไทยเห็นว่า เงื่อนไข MOA จะทำให้ประเทศไทยเดินหน้าต่อไปได้ โดยมีเงื่อนไขการเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ยุบสภาภายใน 4 เดือน และเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยพรรคประชาชนจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ซึ่งพรรคภูมิใจไทย จะรักษาสัญญา และจะไม่เกิน วันที่ 31 มกราคมจะมีการยุบสภา และอาจจะเร็วกว่านั้นด้วย

 

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า MOA นี้จะบังคับรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ แต่กำหนดให้รัฐบาลเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภา ซึ่งผูกพันพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน รวมถึงเมื่อตนมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว อำนาจการยุบสภา อยู่ที่ตนเอง ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น ตนจึงต้องทำตามข้อตกลงที่เปิดเผย

 

นายกรัฐมนตรี ยังย้ำว่า MOA นี้จะบังคับรัฐบาลในการบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้ แต่กำหนดให้รัฐบาลเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยุบสภา ซึ่งผูกพันพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชน รวมถึงเมื่อตนมาเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว อำนาจการยุบสภา อยู่ที่ตนเอง ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น ตนจึงต้องทำตามข้อตกลงที่เปิดเผย

 

ส่วนความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันว่า ในวันที่ 14-15 ตุลาคมนี้ พรรคภูมิใจไทย จะเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่ตนเอง ไม่สามารถชี้นำตามที่นางสาวจิราพร ขอให้ตนเอง บอก สว.ให้สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย เพราะถือเป็นการชี้ทางไปนรกให้กับตนเอง เพราะตามกฎหมายห้ามชี้นำ ครอบงำ เพราะจะผิดรัฐธรรมนูญ จึงถือเป็นความประสงค์ร้ายที่นางสาวจิราพรมีต่อตน

 

นายกรัฐมนตรี ยังยืนยันต่อที่ประชุมรัฐสภา หลังนางสาวจิราพร เรียกร้องให้มีการให้คำมั่นจะไม่แทรกแซงคดีฮั้ว สว. และเขากระโดง โดยยืนยันว่า ตนจะไม่ใช้อำนาจหน้าที่ไปกดดันสั่งการ ชี้แนะให้ข้าราชการประจำเปลี่ยนแนวทางในคดีเขากระโดง และฮั้ว สว. พร้อมย้ำว่า ในเรื่องฮั้ว สว.นั้น อยู่ในชั้นการพิจารณาของ กกต.ซึ่งหากมีปัญหาในการได้มาซึ่ง สว. กกต.ก็จะดำเนินการ และมีเพียงรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ที่ให้ DSI ดำเนินการ จนเกิดข้อติดขัดกฎหมาย และสุดท้าย กกต.ก็ต้องเป็นผู้ดำเนินการ และทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎหมาย เช่นเดียวกับ คดีเขากระโดง ที่เจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยชี้แจงแล้ว และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ใจร้อนเอง และทำงานคล้ายกับนางสาวจิราพร ที่อ่านไม่ได้ศัพท์ และคิดว่าตัวเองเก๋า ไปสรุปทุกเรื่องหมด สุดท้าย กระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมที่ดิน ที่พรรคเพื่อไทยตั้งเอง ทุกคนก็มาแถลงว่า รัฐมนตรีพูดเร็วเกินไป ไม่ตรงกับมติคณะกรรมการ ซึ่งผู้ที่ใช้อำนาจหน้าที่กดดันเจ้าหน้าที่ คือ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ทั้ง 2 คน และการรถไฟแห่งประเทศไทย ก็ได้เริ่มดำเนินกระบวนการทางกฎหมาย ในการฟ้องร้องที่ดินเขากระโดง เป็นรายแปลง เพื่อความรวดเร็ว ในแปลงที่มีปัญหาต่อศาล เพื่อให้ศาลตัดสินแล้ว

 

นายอนุทิน ย้ำว่า ตนเองก็พร้อมให้ดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างเต็มที่ ไม่ต้องละเว้นหน้าอินทร์หน้าพรหม และเคยออกหนังสือยืนยันแล้ว แต่พรรคเพื่อไทย กลับไม่นำหนังสือดังกล่าวมาแสดงหรือพูดถึง พร้อมย้ำอีกว่า ตนจะไม่มีวันใช้อำนาจหน้าที่ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลทุกกระทรวงในรัฐบาลนี้ ไปให้ความช่วยเหลือใครก็ตามที่ทำผิดกฎหมาย และขอให้มีความมั่นใจว่าจะไม่ดำเนินการเรื่องนี้เป็นอันขาด

 

นายกรัฐมนตรี ยังเรียกร้องให้นางสาวจิราพร ถอนคำพูด กรณีที่กล่าวหาตนเองเป็นผู้ต้องหาในสำนวนการฮั้ว สว.ด้วย เนื่องจาก ตนเป็นผู้ถูกแจ้งข้อกล่าวหา และให้ความร่วมมือตามกฎหมาย มีการส่งจดหมายชี้แจงข้อกล่าวหา และตั้งทนายความต่อสู้คดี ซึ่งผลคดีหากตนผิด ก็มีกระบวนการลงโทษ แต่ตอนนี้ ตนยังไม่ใช่ผู้ต้องหา จึงขอให้นางสาวจิราพร ถอนคำพูดด้วย เพราะเป็นคำพูดที่ผิด

 

ส่วนกรณีที่นางสาวจิราพร ระบุพรรคเพื่อไทยจะทำหน้าที่ฝ่ายค้าให้ประชาชนชี้ชะตาใน 4 เดือนว่า พรรคภูมิใจไทยเหมาะจะเป็นรัฐบาลอีก 4 ปี หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ได้ตอบโต้กลับว่า ไม่ต้องรอ 4 เดือน เพราะวานซีนนี้ (28 ก.ย.) ประชาชนได้ชี้ชะตาทั้งพรรคภูมิใจไทยแล้ว และชี้ตะชาพรรคเพื่อไทยแล้วผ่านการเลือกตั้งซ่อมจังหวัดศรีสะเกษ 

 

อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการชี้แจงของนายกรัฐมนตรีในประเด็นที่ตนเองกำลังจะถอนตัวออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลนั้น นางสาวจิราพร ได้พยายามประท้วง เนื่องจาก เห็นว่า นายอนุทิน กำลังเล่าซีนดรามา จนทำให้นายอนุทิน ได้แย้งกลับ ว่า ไม่ได้ซีนดรามา แต่เป็นความจริง และพร้อมยืนยันข้อเท็จจริง ซึ่งนางสาวจิราพร ไม่ได้มีส่วนร่วมใด ๆ ในการเจรจาดังกล่าว

 

ขณะที่ นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ได้ประท้วงการประท้วงของนางสาวจิราพร และขอให้ตั้งใจฟัง