svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

แถลงนโยบายรัฐบาล “อนุทิน” กระชับแค่ 7หน้า! ถอดรหัส "ปลดหนี้"

ถอดรหัส คำแถลงนโยบายรัฐบาล “อนุทิน” กระชับสั้นแค่ 7 หน้า! แต่แฝงด้วยหมัดเด็ดประชานิยม ทั้งนโยบาย คนละครึ่ง ปลดหนี้ รายละแสน กิจการละล้าน "เกทับ" เพื่อไทย

26 กันยายน 2568 เอกสารคำแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันจันทร์ที่ 29 กันยายน 2568 นั้น เอกสารคำแถลงมีปกสีน้ำเงิน เนื้อหามีทั้งหมด 48 หน้า แต่ในส่วนที่เป็นคำแถลงนโยบายจริงๆ มีเพียงแค่ 7 หน้า ที่เหลือเป็นส่วนของภาคผนวกกับส่วนที่เป็นประกาศแต่งตั้งและรายชื่อรัฐมนตรีทั้งหมดของรัฐบาล ถือเป็นคำแถลงนโยบายที่มีความสั้นและกระชับมาก

รายละเอียดในคำแถลงนโยบาย รัฐบาลกำหนดนโยบายสำคัญที่จะแก้ไขปัญหาเร่งด่วนของประเทศ ทั้งหมด  5 ด้าน ประกอบด้วย 

  1. ด้านเศรษฐกิจ  
  2. ด้านความมั่นคง 
  3. ด้านสังคม 
  4. ด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 
  5. ด้านการบริหารภาครัฐ การปฏิรูปกฎหมาย 

ถอดรหัสไฮไลต์ 4 นโยบายเร่งด่วน

1. จัดทำรัฐธรรมนูญโดยประชาชนมีส่วนร่วม + จัดทำประชามติ

  • ส่งสัญญาณน้ำเงินไปต่อกับส้ม..หรือไม่ 
  • มีแนวโน้มให้ อ.บวรศักดิ์ ปรับจูนแนวทางให้ไปกันได้  
  • สะท้อนภาพพรรคภูมิใจไทย ไม่ขัดแย้ง พรรคประชาชน ในร่างนโยบายเขียนแสดงความพยายามที่จะผลักดันตาม MOA

2. ปลดหนี้หรือปล่อยกู้ประชาชนรายละ 1 แสนบาท (เพื่อให้ไปใช้หนี้หรือลดหนี้) 

  • ในร่างนโยบายใช้คำว่า “ช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาหนี้รายบุคคลในระบบ รายละไม่เกินหนึ่งแสนบาท เพื่อลดปัญหาหนี้ที่ทำให้คนไทยติดกับดักหนี้” 
  • แปลว่ารัฐบาลจะช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลให้ เพดานคือ 1 แสนบาท ต่ำกว่านั้นก็ได้ ด้วยวิธิการทียังไม่เปิดเผย แต่น่าจะมีความหลากหลาย 

3. ปลดหนี้หรือปล่อยกู้เอสเอ็มอี รายละ 1 ล้านบาท (เพื่อให้ไปใช้หนี้หรือลดภาระหนี้) 

  • ในร่างนโยบายใช้คำว่า “เพิ่มสภาพคล่องให้แก่ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) รายละไม่เกินหนึ่งล้านบาท ควบคู่กับการสร้างระบบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนให้กับลูกหนี้ที่มีวินัยในการชำระหนี้โดยสม่ำเสมอ” 
  • แปลว่าจะมีทั้งเติมเงินเป็นสภาพคล่อง และสร้างระบบให้เข้าถึงแหล่งทุน เช่น ลดเงื่อนไขการกู้ เน้นลูกหนี้ชั้นดี 

*** นโยบายข้อ 2 กับข้อ 3 เท่ากับ “เกทับ - บลัฟแดง” โชว์เหนือรัฐบาลเพื่อไทยหรือไม่ เพราะแจกเงินหมื่นไม่สำเร็จ แต่รัฐบาลภูมิใจไทยขายแนวทางปลดหนี้คนธรรมดา รายละ 1 แสน และเอสเอ็มอีถึงรายละ 1 ล้าน มากกว่าแจกเงินหมื่น 10-100 เท่า และเอสเอ็มอีได้ด้วย 

*** ถือเป็นนโยบายประชานิยม หวังผลระยะสั้น และเขย่าสนามเลือกตั้งแน่นอน 

“คนละครึ่ง - รายละแสน - กิจการละล้าน” 

4. ทำประชามติ ยกเลิกเอ็มโอยู 43-44

  •  เกาะกระแส “ชาตินิยม” ไม่มีแผ่ว 
  •  โยนภาระการพิจารณายกเลิก เอ็มโอยูทั้ง 2 ฉบับให้ประชาชนตัดสิน ส่วนรัฐบาลลอยตัว 
  •  เป็นวิธีการเหนือชั้นกว่ารัฐบาลเพื่อไทยที่รีรอ และพยายามอธิบายเหตุผลในการไม่ยกเลิก ยิ่งทำให้ประชาชนคลางแคลงใจ 
  •  งานนี้หากเพื่อไทย หรือพรรคประชาชนขวาง จะกลายเป็นเสียคะแนน 

 

แถลงนโยบายเดือดแน่...แค่เอกสารยังร้อน!

  •  หน้า 2 (ของนโยบาย) ย่อหน้าแรก 

เน้นข้อความ... “ด้วยระยะเวลาที่มีอยู่จำกัด และงบประมาณที่รัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นผู้จัดทำ ทั้งยังเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย…” 

เน้นข้อความ... “การสร้างความมั่นคง ความสงบเรียบร้อยและสันติสุขให้เกิดขึ้นกับประเทศชาติบ้านเมืองและการเสริมสร้างความไว้วางใจจากประชาชน” 

แขวะรัฐบาลชุดที่แล้วหรือไม่ ?

  • สานต่อนโยบาย “หวยเกษียณ” ของพรรคเพื่อไทย แต่ต่อยอดขยายผลเป็ฯ “สลากเพื่อการออม” (หน้า 3 ข้อ 3) 
  • ประกาศชุดไม่เอาเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นโยบายเรือธงของเพื่อไทย 
  • นโยบายด้านสังคม หน้า 4 ย้อนเกล็ดเลิกการพนันที่แฝงมาในรูปของกีฬา ยกตัวอย่างโป๊กเกอร์ ซึ่งรัฐบาลเพื่อไทยเคยทำ 

ข้อความในร่างนโยบายเขียนชัด... “ไม่สนับสนุนให้มีการประกอบธุรกิจการพนันทุกชนิดให้เป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ไม่สนับสนุนเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีธุรกิจการพนัน รวมถึงการพนันที่แฝงมาในรูปของกีฬา อาทิ โป๊กเกอร์ และจะดำเนินการแก้ไขพระราชบัญญัติการพนันและกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมและลดการอนุญาตการเล่นการพนัน ให้ได้มากที่สุด” 

  • นโยบายพิทักษ์และคุ้มครองพระพุทธศาสาและศาสนาอื่น หน้า 5 ย่อหน้าแรก 

ใช้คำว่า “…โดยในส่วนของพระพุทธศาสนารัฐบาลจะดำเนินการโดยพระสังฆราชานุมัติด้วยความเห็นชอบของมหาเถรสมาคม” 


น่าสนใจคำว่า “พระสังฆราชานุมัติ” 

  • หน้า 5 มีนโยบายด้านภัยธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รับกับสถานการณ์ถนนทรุดหน้าโรงพยาบาลวชิระพอดี 
  • หน้า 6 ข้อ 15 ย่อหน้าแรก มีนโยบายที่ภาคธุรกิจเรียกว่า “กิโยตินกฎหมาย” 

ใช้คำว่า “เร่งรัดการปฏิรูปกฎหมาย กฎระเบียบ โดยยกเลิกกฎหมาย กฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคและสร้างภาระที่ไม่จำเป็นแก่ประชาชนและภาคธุรกิจที่เรียกว่ากิโยติน (Guillotine) การริเริ่มเสนอกฎหมายที่เกี่ยวกับเศรษฐกิจแพลตฟอร์มดิจิทัลและผลักดันการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีดิจิทัลที่เปลี่ยนไป…”