
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานแสดงสินค้า Thailand–China Cooperation Expo 2025 ภายใต้แนวคิด “50 ปี ความสัมพันธ์ไทย–จีน : ก้าวสู่ความรุ่งเรืองร่วมกัน” ว่า การจัดงานในครั้งนี้ ได้สะท้อนความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างประเทศไทยกับประเทศจีน และในปีนี้ เป็นปีแห่งการสถาปนาทางการทูตไทยจีน 50 ปี ซึ่งครึ่งศตวรรษที่ผ่านมาไทย-จีนร่วมกันสร้างความร่วมมือทุกมิติ และในอนาคตตนมั่นใจว่า รากฐานนี้จะพาไทย-จีนไปสู่โอกาสใหม่ที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่า ประเทศไทยกำลังยกระดับโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจ เพื่อเติบโตในอนาคต และประเทศจีน ได้พิสูจน์ให้โลกเห็นถึงการเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจดิจิทัล และพลังงานสะอาด ซึ่งการมาบรรจบกันระหว่าง 2 ประเทศจึงเป็นโอกาสในการร่วมกันสร้างอนาคตหลายมิติ และมั่นใจว่า ความร่วมมือจะไม่หยุดเฉพาะการค้า การลงทุน แต่ยังสามารถขยายสู่การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน และการขนส่ง เช่น ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษหรือ EEC, รถไฟความเห็นสูงไทย-จีน ที่จะเชื่อมโยงอาเซียนกับจีนตอนใต้แบบไร้รอยต่อ สนับสนุนการค้าและการท่องเที่ยวแบบไร้รอยต่อ
นายกรัฐมนตรี ยังประกาศด้านว่า ประเทศไทย พร้อมเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า และแบตเตอร์รี่ ซึ่งในโอกาส 50 ปีไทย-จีน ยังได้ร่วมกันกำหนดแผนการค้า 5 ปี ไทย-จีน 2568-2572 เพื่อขยายความร่วมมือในการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ และเศรษฐกิจสีเขียว 5 มิติ ประกอบด้วย มิติการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เช่น การพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) และโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย–จีน ซึ่งไม่เพียงเชื่อมโยงสองประเทศ แต่ยังเป็นเส้นเลือดใหญ่ที่เชื่อมอาเซียนกับจีนตอนใต้ สร้างเครือข่ายการค้า และการท่องเที่ยวไร้รอยต่อ, มิติเศรษฐกิจสีเขียวและพลังงานสะอาด ไทยพร้อมเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีแบตเตอรี่ โดยมีจีนเป็นพันธมิตรหลัก นอกจากนี้ในโอกาสครบรอบ 50 ปี ไทยและจีนยังได้ร่วมกันกำหนดแผนพัฒนาการค้าและความร่วมมือทางเศรษฐกิจฉบับใหม่ ระยะ 5 ปี ช่วง พ.ศ.2568 - 2572 เพื่อขยายความร่วมมือสู่สาขายุทธศาสตร์ใหม่ ได้แก่ เซมิคอนดักเตอร์ แบตเตอรี การผลิตสีเขียว เพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน, มิติเทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล ทั้งสองประเทศจะสร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจดิจิทัล เชื่อมโยงระบบการเงิน การค้าข้ามพรมแดน และการวิจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งช่วยให้ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะ SME และสตาร์ตอัพเข้าถึงตลาดใหม่ได้สะดวกยิ่งขึ้น, มิติการเกษตรและความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งสำคัญมากกับประเทศผู้ผลิตอย่างไทย และประเทศที่มีประชากรมหาศาลอย่างจีน และมิติการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ครอบคลุมการศึกษา วัฒนธรรม และการท่องเที่ยว เช่น การท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ การแลกเปลี่ยนนักศึกษาและบุคลากรวิชาชีพ ตลอดจนการเรียนรู้ด้านภาษาและวัฒนธรรม ซึ่งทำให้ความสัมพันธ์ไทย–จีน มีความแน่นแฟ้นอยู่บนรากฐานของความเข้าอกเข้าใจ ต่อยอดจากมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพบุรุษของทั้งสองประเทศได้สืบสานมายาวนาน
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า รัฐบาลไทยมุ่งมั่นจะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และนวัตกรรมของภูมิภาค โดยจะร่วมมือกับจีนอย่างใกล้ชิด พร้อมเดินหน้าลดอุปสรรค ปรับปรุงกฎระเบียบ และเพิ่มความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้ภาคเอกชนทั้งสองประเทศเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง โดยประเทศไทยจะพิสูจน์ว่า ไม่ได้เป็นเพียงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ แต่จะเป็นประตูบานสำคัญ ที่จะเปิดไปสู่ความร่วมมืออื่น ๆ ในภูมิภาคนี้ เพื่อให้มิตรภาพที่มีต่อกันมายาวนานระหว่างไทยและจีน เป็นเหมือน “สปริงบอร์ด” ที่จะนำสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนในทุกมิติต่อไป และหวังว่า งานนี้จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และสร้างวิสัยทัศน์ร่วมกัน พร้อมขอขอบคุณผู้ที่เกี่ยวข้อง ที่ได้จัดงานนี้ขึ้น และขอให้งานครั้งนี้สำเร็จตามความมุ่งหมายทุกประการ
ขณะที่ พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี ได้กล่าวเปิดงานในครั้งนี้ โดยระบุว่า ตนมีความยินดี ที่สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงานในครั้งนี้ เนื่องในวาระการครบรอบการสถาปนาทางการทูตไทย-จีน 50 ปี ที่สะท้อนมิตรภาพอันแน่นแฟ้น ความเชื่อมั่น ไว้วางใจ และความร่วมมือทุกด้าน ที่ทั้ง 2 ประเทศมีให้กันมาอย่างยาวนาน ทั้งระดับประมุขแห่งรัฐที่มีความผูกพันมั่นคงในพระราชไมตรี ระหว่างราชสำนักของทั้ง 2 ประเทศ ตั้งแต่อดีต ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญบนความไว้วางใจ และซื่อสัตย์ต่อเนื่องมาจนปัจจุบัน, ในระดับรัฐต่อรัฐ ที่เคารพให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยไม่แทรกแซงกิจการภายใน และระดับประชาชน ที่เชื่อมโยงประดุจครอบครัวเดียวกัน ตามคำกล่าวที่ว่า ''จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน'' และในระดับภาคเอกชนต่อภาคเอกชน ที่ร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว การค้า การลงทุน และการถ่ายทอดเทคโนโลยีเปิดโอกาสใหม่ ๆ ให้คนรุ่นหลังสืบทอด และในปีอันเป็นมงคลนี้ ไทย-จีน ยังได้ร่วมมือกันจัดกิจกรรมอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนพลังมิตรภาพ และความมุ่งมั่นในการก้าวไปร่วมกันอย่างยั่งยืน
สำหรับงานครั้งนี้ ยังมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมงาน อาทิ นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์, นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายจาง เจี้ยนเหว่ย เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย คณะกลไกประสานงานและส่งเสริมธุรกิจไทย–จีนอย่างยั่งยืน (TCTM) ประกอบด้วยนายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน, นายหลิว เฉวียนเหลย นายกสมาคมการค้าวิสาหกิจจีนในไทย รวมทั้งนักลงทุนและผู้ประกอบการชั้นนำของไทยและจีนเข้าร่วม เพื่อสร้างการเชื่อมโยงและขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็น Global Supply Chain Hub ครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรม การค้าและการลงทุน พลังงานสีเขียวและเกษตรเพื่อความยั่งยืน ยานยนต์และ EV โลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน