svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

รองหัวหน้า พปชร.ค้านเปิดด่านกัมพูชา มั่นใจรัฐบาลใหม่ได้เปรียบ

รองหัวหน้า พปชร.ค้านเปิดด่านกัมพูชา มั่นใจรัฐบาลใหม่เจรจาดีกว่ารัฐบาลเก่า - แนะยื่นเงื่อนไขให้กัมพูชาเยียวยาความเสียหาย ทั้งชีวิต-ทรัพย์สินก่อนคุยเปิดด่าน

นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุม GBC ไทย-กัมพูชา โดยมีข้อหนึ่ง ที่มีรายงานมีบางประเทศกดดันให้ไทยทบทวนการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งปรากฎมีกระแสสังคมออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยผ่านโซเชียลฯเป็นจำนวนมากว่า ส่วนตัวตนก็ไม่เห็นด้วยในการเปิดด่านเช่นกัน เพราะไว้ใจเขมรไม่ได้ ตนถึงบอกว่าอยากให้มีการกั้นกำแพงเลย การเปิดด่าน ควรต้องเป็นหลังจากที่มีการกั้นกำแพงแล้ว และเราไม่ควรฟังประเทศใด ๆ ที่มากดดันเรา ปัญหาอะไรที่ประเทศเหล่านั้นกังวลให้เขาไปจัดการกันเอง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของอธิปไตยของไทย ซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญมาก

 

“เราต้องเอาตามข้อตกลงของเรา ไม่ใช่ข้อตกลงของกัมพูชา พูดง่าย ๆ คือที่ผ่านมาต้องยกเลิกทั้งหมด ไม่ต้องไปเจรจาอะไรกับกัมพูชาแล้ว และตอนนี้เราเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ดังนั้น เราก็ต้องเปลี่ยนท่าทีใหม่ เราต้องไม่อ่อนแอเหมือนรัฐบาลเก่า ที่มีการเจรจาเสียเปรียบมาโดยตลอด ทั้ง ๆ ที่ถ้าเราต่อสู้กัน ปะทะกัน เราก็ชนะอยู่แล้ว ที่ผ่านมากัมพูชาก็พยายามละเมิดอธิปไตย และข้อตกลงมาตลอด ที่ไปตกลงกันมาไม่มีประโยชน์เลย เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะเปิดด่าน จะต้องมีการยกเลิก MOU43 และ 44 ก่อน และตอนนี้พรรคภูมิใจไทย เป็นแกนนำรัฐบาลแล้ว ก็ต้องมาพิจารณาตรงนี้ก่อนเลย ข้อตกลงเก่าที่ผ่านมายกเลิกให้หมด แล้วมาดูกันใหม่ ส่วนการเปิดด่านต้องเป็นขั้นตอนสุดท้าย ถ้ากัมพูชายอมก็ต้องชดใช้สิ่งที่ประเทศไทยสูญเสียทั้งทรัพย์สินและชีวิตของประชาชนและทหาร จะมาใช้วิธีว่าเมื่อปะทะกันแล้ว ขอให้ต่างคน ต่างดูแลคนของตัวเองอย่างนั้นมันไม่ได้ เพราะกัมพูชามารังแกเราก่อน มาฆ่าประชาชนคนไทยที่ไม่รู้เรื่อง" นายสุรเดช กล่าว

ส่วนรัฐบาลใหม่ที่นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะสามารถพูดคุยทำความเข้าใจกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชากันในเรื่องความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้ และการปิด- เปิดด่าน ได้หรือไม่ นั้น นายสุรเดช กล่าวว่า ตนอยากเสนอแนะว่า เป็นรัฐบาลใหม่ ไม่ควรที่จะไปยุ่งอะไรกับด่านเลย เพราะความจริงควรปิดไปก่อนเลย ไม่ควรที่จะมีการเจรจาผ่อนปรนในทุกกรณี ให้ทางทหาร ทางแม่ทัพเป็นผู้ดำเนินการตัดสินใจ อย่างไรก็ตามส่วนตัวตนเห็นว่า เราควรเสนอไปยังฝ่ายกัมพูชาว่าเราต้องการอะไร อย่างไรบ้าง ทางกัมพูชาไม่มีสิทธิ์มาเสนออะไรเราเลย เพราะเราเป็นฝ่ายถูกกระทำจากเขา เราต้องฟังเสียงของประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศครั้งนี้มีรัฐบาลใหม่ และมีรัฐมนตรีใหม่แล้ว จึงอยากเรียกร้องให้เร่งทำงานในเชิงรุก ต้องมีท่าทีที่แข็งกร้าว อย่าอ่อนปวกเปียกเหมือนกระทรวงการต่างประเทศที่ผ่านมา โดยเฉพาะเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ต่าง ๆ หรือเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ต้องรุกให้กัมพูชายอมรับ

 

ส่วนมองอำนาจในการปิด-เปิดด่าน รัฐบาลควรมอบอำนาจให้กับทางทหารหรือกองทัพ เป็นผู้ตัดสินใจเลยใช่หรือไม่นั้น นายสุรเดช กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ทราบว่าทางกัมพูชา ได้ทวงในเรื่องของการที่เราจะไปสร้างโรงเรียน หรือสิ่งอื่นใดให้เขา ซึ่งตรงนี้ตนคิดว่าก็ต้องยกเลิกหมดเพราะเราเปลี่ยนรัฐบาลแล้ว ข้อตกลงอะไรต่าง ๆ ที่เป็นข้อตกลงกับทางรัฐบาลเก่าต้องยกเลิกหมด

“ในเมื่อเราไม่สามารถไว้วางใจกัมพูชาได้ เราก็ไม่สามารถที่จะทำเรื่องอื่น ๆ ได้ เพราะทุกครั้งที่เราไปตกลงทางกัมพูชา ก็จะละเมิดข้อตกลงอยู่ตลอด ซึ่งการที่ผมเสนอให้ยกเลิก MOU43 และ 44 ก็เชื่อมโยงกับการปิด-เปิดด่านด้วย ดังนั้น ถ้ากัมพูชาต้องการให้ประเทศไทยเปิดด่าน ทางกัมพูชาก็ต้องแสดงความจริงใจ โดยต้องยินยอมทำตามข้อตกลงของเรา ถึงจะมีการพูดคุยกันได้ ต้องมาคุยกันก่อนว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศไทย กัมพูชา จะเยียวยาอย่างไร ทางกัมพูชาต้องต้องยอมรับก่อนว่า ละเมิดอธิปไตยเราก่อน ดังนั้น ต้องตกลงกันให้ชัดเจน ส่วนเอ็มโอยูจะยกเลิกกันได้หรือไม่ ขณะนี้เรื่องอยู่ในสภาแล้วก็ว่ากันไป แต่ด่านยังเปิดไม่ได้" นายสุรเดช กล่าว

 

 

 

ส่วนประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะผู้ประกอบการออกมาเรียกร้องอยากให้คนไทยเห็นใจประชาชนที่บริเวณชายแดนโดยเฉพาะที่จังหวัดตราด และจันทบุรีนั้น นายสุรเดช กล่าวว่า เราต้องฟังเสียงส่วนใหญ่ เพราะเราอยู่ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ในเมื่อเสียงส่วนใหญ่ ไม่ต้องการให้เปิดด่าน ก็ควรจะปฏิบัติตามนั้น จึงอยากให้ประชาชนหรือผู้ประกอบการเห็นแก่ส่วนรวม ไม่ใช่เห็นกับธุรกิจของตัวเอง ต้องคิดว่า เมื่อเปิดแล้วจะเกิดความเสียหายอย่างไร และส่วนตัวเห็นว่า เรื่องของความเสียหายที่เกิดกับประชาชนบริเวณชายแดนทางรัฐบาล ก็สามารถจ่ายเยียวยาผู้ประกอบการเหล่านั้นได้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราไปเปิดด่าน มันก็จะไม่ต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้ว และปัญหาก็จะเกิดขึ้นอีก

 

ส่วนมีรัฐบาลใหม่แล้วปัญหาไทยกัมพูชาจะสามารถจบลงกันด้วยดีหรือไม่นั้น นายสุรเดช กล่าวว่า สำหรับรัฐบาลใหม่ ตนไม่แน่ใจว่าเรื่องของปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา จะจบหรือไม่ อย่างไร เพราะรัฐบาลนี้มีระยะสั้นเวลาทำงานสั้น ๆ แค่ 4 เดือนเท่านั้น เวลาแค่นี่จะไปทำอะไรได้มาก แต่สิ่งที่ตนมั่นใจก็คือ ดีกว่ารัฐบาลเก่าแน่นอน เนื่องจากรัฐบาลเก่า ได้พิสูจน์ให้ประชาชนคนไทยเห็นแล้วว่า อ่อนแอมาก จนทำให้เกิดความเสียหาย เจรจาอะไรก็เสียเปรียบมาหมด เพราะฉะนั้น รัฐบาลใหม่ดีกว่ารัฐบาลเก่าแน่ เพียงแต่จะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับระยะเวลา