
กรณีของ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหมในรัฐบาลปัจจุบัน และว่าที่ รมว.กลาโหม ใน ครม.อนุทิน1 ให้สัมภาษณ์กรณีญี่ปุ่นเป็นมือที่สาม เรียกร้องให้เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลสะเทือนถึงข่าวเขย่า โผ ครม.อนุทิน1 เพราะมีบางฝ่ายเรียกร้องให้ทบทวน ทั้งตำแหน่งที่ดูแลงานด้านความมั่นคง และตำแหน่งอื่นๆ
ถึงนาทีนี้ต้องบอกว่า รัฐบาลนายกฯอนุทิน แม้ยังไม่ได้ตั้ง แต่ก็เริ่มมีกระแสไม่ค่อยดีแล้ว หลังจากได้เสียงตอบรับจากการเปิดตัว “ว่าที่รัฐมนตรีคนนอก” แต่หลังจากนั้น เมื่อมีการพูดถึง “ว่าที่รัฐมนตรีในโควตาพรรคการเมือง” ก็เริ่มมีเสียง “ยี้” ตามมา
ยิ่งไปกว่านั้น โควตารัฐมนตรีคนนอกบางคน ก็ถูกตั้งคำถาม
เช่น คนที่จะมาดูแลงานด้านเศรษฐกิจ ในอดีตเคยเป็นผู้บริหารสถาบันการเงินขนาดใหญ่ แต่มีปัญหาเคยถูกร้องทุกข์กล่าวหาโดยดีเอสไอ เกี่ยวกับปลอมใบขนถ่านหินนำเข้าจากอินโดนีเซีย ของบริษัทพลังงานแห่งหนึ่ง และใช้ใบขนถ่านหินปลอม มาเป็นหลักฐานการกู้เงินหลายพันล้าน แนวๆ ไซฟ่อนเงินออกจากธนาคาร มูลค่าความเสียหายในเวลาต่อมานับหมื่นล้าน แต่วันนี้กลับมีชื่อปรากฏเป็น “ว่าที่รัฐมนตรีน้ำดี”
หรือ “แกนนำกลุ่มมุ้งการเมือง” ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไม่กล้าตั้ง หรือไม่กล้าขยับตำแหน่งตอนปรับ ครม. แต่รัฐบาล “หนู 1” กลับทำท่าจะ “กินดีหมี” กล้าตั้งให้นั่งเก้าอี้สำคัญขึ้นมาเสียอย่างนั้น แถมมีชื่อ ควบ 2 ตำแหน่งกันโดยถ้วนหน้า
ล่าสุดมีข่าว ว่าที่รัฐมนตรีบางคน ชื่อส่อหลุดโผ นอกจาก คุณไผ่ ลิกค์ จากพรรคกล้าธรรม ซึ่งเป็นข่าวครึกโครม ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่ากระแสแผ่วไปในระยะหลัง ยังมี คุณสันติ พร้อมพัฒน์ จากพลังประชารัฐ ซึ่งเคยเป็น “สันติ พร้อมมาก” แต่ตอนนี้ “ไม่พร้อมแล้ว” ต้องส่ง พัฒนา พร้อมพัฒน์ ลูกชายนั่งเก้าอี้แทน โดยลูกชายก็บอกกับคนใกล้ชิดแล้วว่า ไปนั่งแทนพ่อแน่นอน
การส่งรายชื่อรัฐมนตรีของ “นายกฯหนู” ก็ใช้วิธี ส่งไปเกินจำนวน เพื่อวัดใจ และวัดคุณสมบัติ หากใครมีปัญหา ก็จะโดนสกัดชื่อออกโดยฝ่ายเลขาธิการ ครม. โดย นายกฯหนู ก็จะลอยตัวทางการเมือง และอ้างได้ว่า ได้พยายามดันเต็มที่แล้ว แต่ไปไม่ถึงฝั่นฝันจริงๆ
“พรรคส้ม” ลับดาบรอล้ม “รมต.สายล่อฟ้า”
“คุณไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคประชาชน ฝ่ายนโยบาย ให้สัมภาษณ์ “ช่าวข้นคนข่าว เนชั่นทีวี” ว่า ภาพรวม ครม. โดยเฉพาะ “รัฐมนตรีคนนอก” ดูดีขึ้น แต่ยังเป็นห่วง “รัฐมนตรีหน้าเดิม” ที่เคยมีปัญหาจากรัฐบาลเพื่อไทย หลายคนพบข้อมูลจากการตรวจสอบแล้วว่า มีความไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ได้รับ และอาจนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือตรวจสอบด้วยกลไกอื่นทันทีที่รับตำแหน่ง โดยเฉพาะว่าที่รัฐมนตรีที่มีข่าวจะเข้ามาดูแลเรื่องสิ่งแวดล้อม แต่น่าจะเกี่ยวข้องกับการนำเข้าขยะพิษเสียเอง