
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ที่เกาะกง ประเทศกัมพูชาว่า กระทรวงการต่างประเทศ ยินดีต่อผลการประชุมทั้งสองฝ่าย ที่ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง และเห็นชอบร่วมกันในหลายประเด็น ซึ่งถือเป็นพัฒนาการที่สำคัญ โดยเฉพาะที่ฝ่ายไทยผลักดันมาโดยตลอด ได้แก่ การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือสแกมเมอร์
สำหรับการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า จะมีการตั้งคณะประสานงานร่วมภายใน 1 สัปดาห์ เพื่อจัดทำแผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดและกำหนดพื้นที่นำร่อง โดยจะเริ่มดำเนินการทันทีภายในเวลา 1 เดือน
ส่วนการปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์นั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า ที่ประชุมได้มอบหมายให้กระทรวงมหาดไทย และสำนักการตำรวจแห่งชาติทั้ง 2 ประเทศ หารือ และจัดตั้งคณะทำงานภายใน 1 สัปดาห์ จัดทำแผนปฏิบัติการร่วม โดยฝ่ายไทย ได้ส่งมอบข้อมูล และพิกัดที่ตั้งของสแกมเมอร์กว่า 60 แห่งในกัมพูชาให้กับฝ่ายกัมพูชาแล้ว โดยจะมีการประชุมประสานงานในวันที่ 16 กันยายนนี้ ที่จังหวัดสระแก้ว
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำว่า ที่ประชุมยังได้หารือประเด็นอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อความมั่นคงปลอดภัย และความเป็นอยู่ของประชาชนทั้งสองประเทศ โดยเฉพาะบริเวณชายแดน ได้แก่ การถอนอาวุธหนักและอาวุธยุทโธปกรณ์ทำลายล้างสูงออกจากพื้นที่ชายแดนกลับสู่ที่ตั้งปกติตามกรอบเวลา, การบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนโดยเฉพาะกรณีบ้านหนองจาน จังหวัดสระแก้ว ที่คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม หรือ JBC ไทย-กัมพูชาหารือเพื่อให้เกิดความชัดเจน และให้ RBC กำหนดแนวทางการบริหารจัดการตามที่ JBC ได้ตกลงกัน, การลดวาทกรรมยั่วยุ หลีกเลี่ยงเผยแพร่ข้อมูลเท็จ และการผ่อนปรนให้มีการผ่านแดนบางประเภท และบางจุด โดยมอบหมายให้ RBC หารือความเป็นไปได้ให้มีการขนส่งสินค้าผ่านจุดผ่านแดน โดยเริ่มจากจุดที่มีความตึงเครียดน้อยที่สุด
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังย้ำตามที่พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงไปแล้วว่า ยังไม่มีการเปิดด่านในขณะนี้ และจะไม่มีการผ่อนปรนส่งสินค้าใด ๆ หากไม่มีความคืบหน้าอย่างมีนัยยะสำคัญในการถอนอาวุธหนัก, การร่วมกันเก็บกู้ทุ่นระเบิด และการปราบปรามสแกมเมอร์ในระดับที่จะสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกันได้
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังยืนยันว่า การหารือ GBC เป็นความสำเร็จในการใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ปัญหาระหว่างกัน โดยการประชุม GBC สมัยพิเศษครั้งต่อไปใน 30 วันหลังจากนี้ฝ่ายไทยจะเป็นเจ้าภาพ
ส่วนกรณีที่มีทัวร์ไทยไปลงเพจสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย หลังญี่ปุ่นขอให้เปิดด่านไทย-กัมพูชา จนหลายคนมองเป็นการกดดันฝ่ายไทยนั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงว่า ประเด็นทั้งหมดเกิดขึ้นจากห่วงโซ่อุปทานข้ามพรมแดน ซึ่งทราบว่า ญี่ปุ่นมีความเดือดร้อนจากกรณีที่ชายแดนปิด และการลงในเฟซบุ๊กเป็นไปเพื่อยินดีที่มีพัฒนาการในเชิงบวก ซึ่งสิ่งที่ฝ่ายไทย แจ้ง และจะทำความเข้าใจกับฝ่ายญี่ปุ่นคือ กระบวนการนี้ต้องใช้เวลา เพราะหากดูผลการประชุม GBC แล้ว การเปิดด่านจะมารับพร้อมกับเงื่อนไข 3 ข้อ ได้แก่การเก็บกู้ทุ่นระเบิด การปรับอัตราอาวุธ และการปราบปรามสแกมเมอร์ ตราบใดที่ 3 ข้อนี้ไม่เกิด การเปิดด่านก็เป็นเพียงแนวคิด