
30 สิงหาคม 2568 หลังปิดฉากอดีตนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทย อีกไม่นานก็จะมีนายกฯคนใหม่ คนที่ 32 โดย ณ วินาทีนี้ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกุล จาก พรรคภูมิใจไทย มีโอกาสมากที่สุด
แกนนำพรรครัฐบาลที่กระโดดเปลี่ยนข้างไปร่วมจับมือกับพรรคภูมิใจไทย เล่าให้ฟังว่า
- สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้เป็น “พิธีกรรม” เท่านั้น เรียกว่า ทำให้ครบประเพณีการเมือง
- เบื้องหลังคุยกัน และตกลงกันไว้หมดแล้ว
- สส.ในมือประกอบด้วย
พรรคภูมิใจไทย ทั้งพรรค - 69 เสียง
พรรคประชาชน -143 เสียง
กลุ่ม 18 รวมไทยสร้างชาติ นำโดย “เสี่ยเฮ้ง - ดร.แด๊ก” - 16 เสียง
พรรคกล้าธรรม - 25 เสียง
พรรคพลังประชารัฐ - 20 เสียง
พรรคประชาธิปัตย์ - 4 เสียง
พรรคเล็ก 1 เสียง - 7 เสียง (มาปรากฏตัวที่พรรคภูมิใจไทย 2 เสียง เป็นตัวแทน)
รวมเสียงล่าสุดขณะนี้ บวกเสียงสนับสนุนจากพรรคประชาชน นับกันชัดๆ 284 เสียง
นี่คือจำนวนเสียงล่าสุดจาก “คนในวง” ที่นั่งนับกันที่พรรคภูมิใจไทย
พลโทภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช. ผู้ที่ฟันธงในรายการข่าวข้นคนข่าว เป็นคนแรกว่า นายกฯ แพทองธาร ไม่รอด และเก้าอี้นายกฯ จะไหลไปที่ “เสี่ยหนู อนุทิน” วิเคราะห์เพิ่มเติมว่า
- นายกฯคนใหม่ คือ “เสี่ยหนู” แน่นอน
- คำวินิจฉัยศาล เป็นภาคบังคับ ทำให้พรรคประชาชนต้องโหวตหนุน “เสี่ยหนู” เท่านั้น โหวตให้แคนดิเดตของเพื่อไทยไม่ได้ เนื่องจากมีชะนักติดหลังเรื่องกัมพูชา ไม่ทำเพื่อผลประโยชน์ชาติ (คำวินิจฉัยส่งผลถึงพรรค)
- คำวินิจฉัยศาล จะเป็นช่องทางและข้ออ้างให้พรรคร่วมรัฐบาล ถอนตัวจากพรรคเพื่อไทย มาสนับสนุนภูมิใจไทย
- รับเงื่อนไขนายกฯ 4 เดือน แต่จริงๆ จะมีสถานการณ์สำคัญในประเทศ อยู่นานกว่านั้น
- พรรคประชาชนก็รู้ และทุกอย่างเป็นพิธีกรรม แต่พรรคประชาชนต้องการเวลาในการฟื้นความนิยม ถึงจะลงสู่สนามเลือกตั้ง และขณะนี้พรรคไม่มีทางเลือก
- ถ้ารัฐบาลใหม่แก้ปัญหากัมพูชาได้ อาจดัน “ลุงป้อม” ให้มีบทบาทครั้งสุดท้าย ฝากฝีมือ อาจได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว และส่งผลต่อการเลือกตั้งหนหน้า