svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

ตกเก้าอี้! ศาล รธน.ชี้ “นายกฯอิ๊งค์” ผิดจริยธรรมร้ายแรง หลุดพร้อม ครม.ยกชุด

ตกเก้าอี้! ศาลรัฐธรรมนูญ ชี้ “นายกฯอิ๊งค์” ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง คดีคลิปเสียง ทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิ เอาประโยชน์ส่วนตัวเหนือกว่าประโยชน์ประเทศชาติ

29 สิงหาคม 2568 เวลา 09.30 น. คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญประชุมเพื่อแถลงด้วยวาจาปรึกษาหารือ และลงมติกรณีคำร้อง กรณีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องจากสมาชิกวุฒิสภา (สว.) จำนวน 36 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 106 (4) และ (5)

 

โดยคำร้องระบุว่า น.ส.แพทองธาร ขาดความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ และฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง จากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา

 

โดยก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9:0 รับคำร้องไว้พิจารณา และมติ 7:2 ให้ น.ส.แพทองธาร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีตั้งแต่วันดังกล่าว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

 

และเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2568 ในวันคล้ายวันเกิดปีที่ 39 ของน.ส.แพทองธาร ศาลรัฐธรรมนูญได้นัดไต่สวนพยาน 2 ปาก คือ น.ส.แพทองธาร กับ นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (เลขาฯสมช.) โดยทั้งคู่เดินทางไปศาลตามนัด จากนั้นให้ส่งคำแถลงปิดคดีเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา และมีกำหนดนัดประชุมลงมติและอ่านคำตัดสินในวันนี้ (29 ส.ค.68)

 

ทั้งนี้ในวันนี้ (29 ส.ค.68) เวลา 15.00 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย ระบุว่า

ศาล รธน. มีอำนาจวินิจฉัยคดีนี้หรือไม่ เห็นว่า รัฐธรรมนูญบัญญัติให้ศาล รธน.มีอำนาจหน้าที่วินิจฉัย 

 

คดีนี้นอกจากจะมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างผู้ถูกร้องกับสมเด็จฮุน เซน แล้ว ผู้ถูกร้องยอมรับว่ามีการพูดคุย แต่เป็นคลิปที่ได้มาโดยมิชอบ

 

ศาล รธน.ให้โอกาสผู้ถูกร้องโต้แย้งแล้ว ผู้ถูกร้องไม่ได้บอกว่าถ้อยคำไม่ถูกต้อง ดังนั้นศาล รธน.จึงรับฟังคลิปเสียงเป็นพยานหลักฐานได้

ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงหรือไม่ พิจารณาแล้วเห็นว่า รัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ต้องมีคุณสมบัติสูงกว่า สส. มีหน้าที่บริหารราชการแผ่นดิน 

 

ด้วยเหตุที่จริยธรรมเป็นข้อประพฤติปฏิบัติหลักเกณฑ์หรือมาตรฐานความประพฤติ เป็นสำนึกความรับผิดชอบของบุคคลแต่ละคน รัฐธรรมนูญกำหนดกรอบว่าต้องซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ประพฤติตรงจริงใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกง ไม่หลอกลวง ไม่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง ด้วยเหตุนี้ รัฐมนตรีจึงต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

 

ส่วนกรณีที่ต้องไม่มีการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ต้องครอบคลุมถึงการรักษาเกียรติภูมิและผลประโยชน์ของชาติ อธิปไตย ผลประโยชน์ของประเทศชาติ 

 

ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ขณะผู้ถูกร้องเจรจากับสมเด็จฮุน เซน สถานการณ์ไทยตึงเครียดสูง

 

พิจารณาแล้วเห็นว่า ถูกร้องไม่ได้ตอบรับตามข้อเสนอ ดังนั้นผู้ถูกร้องยึดประโยชน์ของชาติเป็นที่ตั้งเห็นว่า การแสดงออกดังกล่าว ไม่นิ่งเฉยถึงปัญหา การกระทำไม่มีลักษณะเป็นผู้ไม่มีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์

 

กรณีที่ผู้ถูกร้องเจรจาสมเด็จฮุน เซน อันเนื่องมาจากปิดด่าน เป็นผลมาจากช่องบก อุบลราชธานี แม้ผู้ถูกร้องเจรจาแบบส่วนตัวก็ตาม แต่เนื้อหามีลักษณะปิดด่าน กรณีจึงไม่ใช่การกระทำส่วนตัวในฐานะประชาชน หากเป็นการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะนายกฯ ซึ่งผู้ถูกร้องต้องไม่ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง

 

ในส่วนที่กล่าวถึงแม่ทัพภาคที่ 2 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง ที่ผู้ถูกร้องชี้แจงว่าใช้เทคนิคเจรจาแยกเหตุการณ์ออกจากตัวบุคคล ใช้เทคนิคตั้งคำถาม การที่ผู้ถูกร้องเป็นนายกฯ กล่าวถ้อยคำดังกล่าวต่อสมเด็จฮุน เซน และต้องนำไปคุยกับฝ่ายความมั่นคงก่อน 

 

พิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ถูกร้องรู้อยู่แล้ว สมเด็จฮุน เซน ไม่มีตำแหน่งทางรัฐ กรณีที่ผู้ถูกร้องประสงค์ใช้ช่องทางการเจรจา ทั้งเป็นทางการที่เคยคุยกับสมเด็จฮุน มาเนต และการเจรจาไม่เป็นทางการควบคู่กันไป

 

แต่เมื่อสนทนาในฐานะนายกฯ หาใช่ว่าจะเจรจาโดยอิสระได้ แต่เมื่อผู้ถูกร้องใช้รูปแบบการเจรจาเช่นนี้ เป็นลักษณะให้สมเด็จฮุน เซน เห็นใจผู้ถูกร้อง จนทำให้เสถียรภาพรัฐบาลของผู้ถูกร้องสั่นคลอน 

 

ผู้ถูกร้องเคยเสนอ สมช.ขอให้เสนอมาตรการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ค้ามนุษย์ และไม่ได้มีการหารือเรื่องแผนที่ เรื่องศาลโลก ดังนั้นการเจรจาเป็นไปเพื่อประโยชน์ของสมเด็จฮุนเซนมากกว่า โดยไม่ได้คำนึงถึงสถานการณ์ความมั่นคงขณะนั้น

 

พฤติการณ์การกระทำย่อมทำให้วิญญูชนเกิดความสงสัยว่า จะทำตามฝ่ายกัมพูชา ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ต่อประเทศชาติ แม้ข้อเท็จจริงได้ความตามไต่สวนว่าหลังสนทนาแล้ว ในวันที่ 16 มิ.ย.68 ได้เรียกประชุมฝ่ายความมั่นคงชุดเล็ก แต่ไม่ได้พูดเรื่องสนทนาให้ที่ประชุมทราบ ซึ่งนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการ สมช. ว่า หลังจากประชุมเพิ่งทราบกรณีคลิปเสียง ในวันที่ 16 มิ.ย.68

 

การกระทำของผู้ถูกร้องที่ขอความเห็นใจ ไม่ใช่เทคนิคเจรจาตามที่กล่าวอ้าง 

 

การกระทำดังกล่าวทำให้เสื่อมเสียเกียรติภูมิ และถือเอาประโยชน์ส่วนตัวเหนือกว่าประโยชน์ประเทศชาติ

 

ทำให้สาธารณชนเกิดความเคลื่อบแคลงสงสัย สาธารณชนขาดความเชื่อถือศรัทธา เสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ในการดำรงตำแหน่งนายกฯ และปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยยึดมั่นโดยถูกต้องชอบธรรม กรณีไม่จำต้องให้เกิดการปะทะระหว่างไทยกัมพูชา 

 

ดังนั้นการกระทำของผู้ถูกร้องเป็นการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม ซึ่งเมื่อพิจารณาประกอบเจรจาและความร้ายแรงของความเสียหายที่เกิดขึ้น มีลักษณะร้ายแรง ดังนั้นจึงมีการฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมร้ายแรง ทำให้ขาดคุณสมบัติ ส่วนข้อหาอื่นไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย

 

วินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของผู้ถูกร้อง สิ้นสุดลงเฉพาะตัว นับแต่วันที่ศาลให้หยุดปฏิบัติที่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.68 และรัฐมนตรีพ้นตำแหน่งทั้งคณะ โดยศาล รธน.มีมติ 6:3 เสียง 

 

ตกเก้าอี้! ศาล รธน.ชี้ “นายกฯอิ๊งค์” ผิดจริยธรรมร้ายแรง หลุดพร้อม ครม.ยกชุด ตกเก้าอี้! ศาล รธน.ชี้ “นายกฯอิ๊งค์” ผิดจริยธรรมร้ายแรง หลุดพร้อม ครม.ยกชุด